เหว่ยถิง x หวังหยวน
ตอนที่ 2
"..หวังหยวน หวังหยวน" จุนไคเรียกหวังหยวนให้หลุดจากภวังค์ความคิดจนร่างเล็กสะดุ้งตัวเล็กน้อย วันนี้คนตัวเล็กนั่งเหม่อลอยตั้งแต่เริ่มเรียนจนเลิกคลาส ทั้งสองคนเก็บของเข้ากระเป๋าเตรียมตัวกลับบ้านอย่างเคย หวังหยวนรู้สึกว่าช่วงนี้ร่างกายมันเหนื่อยอ่อน เหมือนคนไม่มีเรี่ยวแรงเข้าไปทุกที หวังหยวนต้องการความบันเทิง..
"เฮ้ จุนไค"
"อ้าว หวัดดีครับเกอ" หวังหยวนเอ่ยทักผู้มาใหม่
"ไง หวังหยวน หน้าตาดูสดชื่นนะ" หวังหยวนยิ้มแหยๆ กลับไปให้ สดชื่นกับผีอะไรล่ะเกอ เขาคิดในใจ มองอีกคนที่โปรยยิ้มหวานให้เพื่อนรักอยู่หน้าประตูห้องเรียนก่อนจะเดินเข้ามาใกล้
"เซียนซี นายมาช้านะ!" จุนไคมองหน้าเซียนซี คนรักของเขาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ที่จริงก็ไม่ได้มาช้าอะไรเพราะพวกเขาก็เพิ่งเรียนเสร็จ แต่จุนไคก็ชอบหาเรื่องแฟนของเขาตามประสา
"โถ่ที่รัก ซ้อมบอลเสร็จก็รีบมาเลย เห็นไหมเหงื่อโชกไปหมดเลยเนี่ย" อีกฝ่ายทำท่าจะเข้ามากอดแต่โดนคนตัวเล็กกว่าผลักออกไป
"อี๋ เหม็น! นี่มันห้องเรียนนะ รุ่มร่ามจริงๆ" เซียนซียักไหล่ไม่ได้สนอกสนใจกับคำดุด่าของคนรัก
"หวังหยวน เกอจะพาน้องแมวดุไปร้องเกะ นายจะไปไหม" พูดจบหวังหยวนตาลุกวาวขึ้นทันที พวกเขาสามคนก็ไปเที่ยวด้วยกันเป็นปกติอยู่แล้ว และคู่รักสองคนนี้ก็ไม่ได้คิดว่าหวังหยวนเป็นก้างขวางคออะไร เพราะสนิทกันมาตั้งแต่สมัยม.ต้น
"เกอออ หยวนรอประโยคนี้มานานแค่ไหนเกอรู้ไหมม ~~" หวังหยวนสะพายกระเป๋าพร้อมกับถลาตัวเข้าหาเซียนซี ทั้งสองคนหัวเราะกับท่าทีของหวังหยวนก่อนจะเดินออกไปข้างนอก
"นี่พวกนายเดินกันไปก่อนนะ ฉันขอเข้าห้องน้ำแป๊ปนึง"
จุนไคตะโกนบอกสองคนที่เดินกอดคอกันกำลังเดินออกไปรอที่ม้าหินอ่อนที่ประจำ
"หวังหยวน!"
เสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้เด็กหนุ่มสองคนหันไปมองทางต้นเสียงเป็นตาเดียว
เซียนซีปล่อยคนตัวเล็กจากพันธนาการ
"คุณ.. เดี๋ยวสิ! ปล่อยผมนะ!"
หวังหยวนลืมนัดกับสามีไปเสียสนิท เหว่ยถิงเดินไปฉุดเรียวแขนเล็กขึ้นรถโดยไม่สนใจเสียงทัดทาน
เขาชักจะโมโหขึ้นมาเสียดื้อๆ
รถคันหรูทะยานออกจากมหาวิทยาลัยด้วยความเร็วสูง
มือของเด็กน้อยหาสิ่งยึดเหนี่ยวเพราะสามีของเขาขับรถเร็วเกินไปแล้ว ร่างเล็กตะโกนห้ามแต่อีกคนไม่สนใจฟัง
มีเพียงสายตาดุดันส่งกลับมาแทน
เหว่ยถิงขับรถมาจอดเทียบหน้าประตูบ้าน
อันที่จริงวันนี้เขาตั้งใจจะพาหวังหยวนไปช็อปปิ้งเพราะอยากทำให้สถานการณ์ความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองคนดีขึ้น
แต่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์แล้ว น่าหงุดหงิด
"จะปลดล็อคประตูได้หรือยังครับคุณ"
"จะรีบลงไปไหน"
น้ำเสียงราบเรียบนั้นหวังหยวนรู้ดีว่าแฝงความไม่พอใจเอาไว้
"เปล่าครับ"
หวังหยวนไม่ได้แสดงอาการใดเพียงนั่งเฉยๆ ก็ยิ่งทำให้อีกคนหงุดหงิดมากขึ้นอีก
"เวลาอยู่กับฉันเธอไม่ต้องทำหน้าอมทุกข์ขนาดนั้นก็ได้นะ
มันแย่ขนาดนั้นเลยหรือไง"
หึ ทีตอนอยู่กับไอ้หน้าอ่อนนั่นยิ้มระริกระรี้มีความสุขเชียวนะ
แถมยังกอดรัดกันออกหน้าออกตาซะขนาดนั้น
"ก็เปล่านี่ครับ ผมก็ทำตัวปกติ"
"แล้วยังไง? เมื่อวานก็อ่อยอาจารย์
วันนี้ก็อ่อยไอ้เด็กนั่น เธอจะเอากี่คนกันแน่ จับทั้งหมดมามัดรวมกันเลยดีไหม?"
หวังหยวนไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร
หวังหยวนไม่ได้อ่อยใครทั้งนั้น ทำไมเขาถึงได้ชอบพูดจาร้ายๆ ใส่อยู่เรื่อย
"คุณพูดอะไร ผมไม่รู้เรื่อง"
"เหอะ! เธออยู่กับฉันแล้วไม่มีความสุข
คงจะได้ความสุขจากที่อื่นแล้วล่ะสิ"
"คุณจะให้ผมมีความสุขได้ยังไง
ในเมื่อคุณไม่ได้รักผม! ผมก็ไม่ได้รักคุณ เราแต่งงานกันเพราะภาระหน้าที่!"
"ก็ดี! งั้นฉันจะทำให้เธอมีความสุขเอง!
แบบที่นายจะลืมไม่ลงเลยหละ หึ.."
เหว่ยถึงกึ่งฉุดกึ่งลากหวังหยวนเข้าบ้าน
สั่งป้าอี้ห้ามใครขึ้นไปรบกวนจนกว่าเขาจะลงมา หวังหยวนออกแรงทั้งทุบตี
ทั้งใช้เล็บจิกข่วน แต่ก็ไม่เป็นผล ร่างเล็กถูกเหวี่ยงลงกับเตียงกว้าง
หวังหยวนจุกจากแรงเหวี่ยงจนตัวงอ
ร่างสูงไม่รอช้าขึ้นคร่อมทับล็อคแขนอีกคนตรึงไว้กับเตียงทันที
"โอ๊ยย!! ผมเจ็บ ปล่อยนะ!" เหว่ยถิงไม่สนใจเสียงคัดค้านของอีกฝ่าย จมูกโด่งซุกไซร้ลำคอขาวสูดกลิ่นหอมของเด็กแรกรุ่นเข้าเต็มปอด
หวังหยวนดิ้นพล่านน้ำตาคลอเต็มหน่วยยิ่งทำให้อารมณ์ดิบเถื่อนของเหว่ยถิงพลุ่งพล่านขึ้นอย่างไม่อาจหยุดได้
"อื้ออ!! คุณ! ผมบอกให้ปล่อย อย่านะ!"
"จะดิ้นอะไรหนักหนา!
ผัวเมียเอากันมันเรื่องปกติ"
ริมฝีปากร้อนโฉบลงบดเบียดจูบร้อนแรงกับปากอิ่ม
หวังหยวนพยายามต่อต้านสัมผัสที่จาบจ้วงแต่อีกฝ่ายแรงเยอะเหลือเกิน
น้ำตาใสเอ่อรินเป็นสายหวังหยวนเริ่มหมดแรงต่อสู้
เหว่ยถิงหยุดการกระทำมองร่างขาวตรงหน้าที่กำลังร้องไห้ เหอะ น่าหงุดหงิดสิ้นดี
"อึก.. ฮือ คุณมันน่ารังเกียจที่สุด"
"อยากพูดอะไรก็พูดไปเถอะ ยังไงฉันก็ผัวเธอ"
เหว่ยถิงเหยียดยิ้มพูดเน้นคำที่แสดงความเป็นเจ้าของให้ชัดเจนที่สุด
หวังหยวนรู้ดีว่าคนตรงหน้าคงไม่หยุดเพราะเข่าที่แทรกระหว่างขาเรียว รอยยิ้มเย้ยหยันของอีกฝ่าย
หวังหยวนหลับตาแน่นรอรับชะตากรรม
"หึ อย่าเกร็งล่ะเด็กน้อย"
ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่หวังหยวนนอนรองรับอารมณ์สวาทที่เหว่ยถิงปลดปล่อยออกมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
สะโพกกลมตอนนี้ปวดจนแทบจะขยับไม่ได้ การกระทำรุนแรงทำให้ผิวกายบอบบางขึ้นรอยช้ำเต็มไปหมด
เหว่ยถิงพลิกตัวกอดร่างบางไว้แนบอกเขาตื่นขึ้นมาเพราะร่างกายที่สั่นเทาของอีกคน
หวังหยวนสะอื้นเบาๆ ปล่อยน้ำตาหยดลงเป็นสายโดนไม่มีคำพูดใด
"เป็นของฉันจนได้"
เหว่ยถิงเก็บความไม่พอใจไว้ข้างใน
หวังหยวนเป็นของเขาแล้วทำไมต้องร้องไห้เสียใจขนาดนั้น เขากดริมฝีปากจูบไหล่เนียนคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง
หวังหยวนไม่ได้โต้ตอบอะไรเพียงแต่ขยับตัวหนีสัมผัสสามีของตน
"ฉันไม่ได้อยากใจร้ายนะ
ทำไมเธอชอบตั้งท่ารังเกียจฉันนัก"
"ฮึก! เพราะคุณมันน่ารังเกียจ คุณไม่ได้รักผม
แล้วคุณทำแบบนี้ทำไม.. สะใจคุณหรือยัง!! พอใจหรือยัง!!" เหว่ยถิงมองหวังหยวนที่ร้องฟูมฟายเป็นบ้าเป็นหลัง เขานึกเป็นห่วงหวังหยวนอยู่เหมือนกันที่โดนเขากระทำรุนแรงขนาดนั้น
แต่ท่าทางหยิ่งยะโสแบบนี้มันน่าโมโหจริงๆ
"ทำไมเธอไม่ทำตัวดีๆ กับฉันบ้าง
แค่นี้ทำไม่ได้หรือไง!"
"คุณไม่สมควรได้รับมัน"
น้ำตายังไหลออกมาไม่ขาด
"ร้องไห้อยู่ได้ น่ารำคาญ" ไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตอบโต้อะไร เหว่ยถิงหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมแล้วออกไปจากห้อง
เนิ่นนานจนหวังหยวนแน่ใจว่าเขาไม่ได้กลับเข้ามาแล้ว ร่างบางก็ผลอยหลับไปเพราะความเหนื่อยล้า
หวังหยวนตื่นขึ้นมาเพราะแสงแดดแก่ๆ ที่แยงตา
เขารู้สึกร้อนเพราะแดดตอนสายพาดผ่านร่างกายเขาเต็มๆ นาฬิกาหัวเตียงบอกเวลา 08.32 น. เขาคงไปไม่ทันเรียนแล้วสินะ
ถึงทันก็คงไปไม่ไหว จนถึงตอนนี้เขายังไม่สามารถขยับช่วงล่างได้เลย
ริงโทนที่คุ้นเคยแผดเสียงขึ้น
หวังหยวนเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาอย่างลำบาก หน้าจอปรากฏชื่อเพื่อนรัก
'จุนไค'
"ฮัลโหลจุนไค"
'หยวน ทำไมนายไม่เข้าเรียน เป็นอะไรหรือเปล่า
ทำไมไม่โทรบอกฉัน' จุนไคยิงคำถามรัวเป็นชุด หวังหยวนกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก
เหมือนคอจะแห้งแทบเป็นผง
"อื้ม รู้สึกไม่สบายนิดหน่อย
ขอโทษนะที่ไม่ได้โทรบอก แค่กๆๆ"
'งั้นนายรีบกินยานะ เดี๋ยวเลิกเรียนฉันจะไปหาที่บ้าน'
"อย่านะ!! เอ่อ.. คือฉันกลัวนายจะติดไข้น่ะ
นายไม่ต้องมาหรอกเดี๋ยวฉันก็หาย" หวังหยวนเผลอทำเสียงดัง เขาไม่อยากให้เพื่อนมาเห็นเขาในสภาพแบบนี้
'อ่าา โอเคๆ รีบหายนะหยวน ฉันเหงารู้ไหม'
"อื้ม แค่นี้นะ" หวังหยวนไม่อยากจะพูดอะไรมาก
ถ้าจุนไครู้มากพ่อเขาก็จะรู้ไปด้วย
หวังหยวนไม่ค่อยได้ติดต่อพ่อเพราะตอนนี้งานคงยุ่งมาก
แล้วเขาก็อยากให้พ่อเข้าใจว่าเขาอยู่สุขสบายดี
หวังหยวนอยากจะชำระร่างกายให้สดชื่นเสียที
นอนเหนียวตัวทั้งคืนอึดอัดจะแย่ ร่างบางพยายามประคองตัวเองลุกขึ้นแต่คงเพราะพิษไข้
หวังหยวนเซล้มลงข้างเตียง มือปัดแจกันดอกไม้ตกพื้นกระจัดกระจาย
เพล้งง!!
หวังหยวนได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งพร้อมเสียงเปิดประตูห้อง
ตอนนี้สายตาพล่ามัวมองแทบจะไม่เห็นอะไรอยู่แล้ว สติสัมปชัญญะเลือนลงช้าๆ
พร้อมกับเสียงของป้าอี้แว่วมาแต่ไกล
"คุณหวังหยวน!!"
เปลือกตาบางขยับก่อนลืมตาขึ้นช้าๆ
หวังหยวนรู้สึกว่าอาการเจ็บแปลบที่สะโพกทุเลาลงมาก
ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไหร่เขารู้สึกปวดหัวตื้อไปหมด
ซ้ำท้องยังร้องโครกครากน่าอายอีกด้วย
"คุณหวังหยวนตื่นแล้วหรือคะ?" สาวใช้จินเจี่ยรีบเดินเข้ามาประคองเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะลุกขึ้น
"อื้ออ พี่จินเจี่ย หอมจังเลย ~ นั่นข้าวของผมหรือเปล่าครับ"
หวังหยวนเอามือกุมท้องทำหน้าชะเง้อมองถาดอาหารที่จินเจียยกเข้ามา
น้ำย่อยในกระเพาะคงกำลังแผลงฤทธิ์
สาวใช้นึกเอ็นดูเจ้านายตัวน้อยก่อนจะยกชามข้าวต้มมาให้
"อ่าา อร่อยจังเลย" หวังหยวนตักข้าวต้มเข้าปากคำแล้วคำเล่าจนหมดชาม
"หลับไปตั้งสองวันเต็มๆ ทานเก่งขึ้นนะคะ"
จินเจี่ยยิ้มหวานให้ หวังหยวนเบิกตากว้างไม่คิดว่าตัวเองจะหลับไปนานขนาดนี้
"หา!? แล้ว..
ใครเปลี่ยนชุดให้ผมครับ"
"จินเจี่ยเองค่ะ
เดี๋ยวจินเจี่ยขึ้นมาเช็ดตัวให้นะคะ" หวังหยวนเงียบไปเพราะจินเจี่ยคงรู้หมดแล้วว่าเขาโดนอะไรมา
"แล้วคุณเหว่ยถิงไปทำงานหรือครับ"
"คุณเขาไม่กลับบ้านมาสองวันแล้วค่ะ
ป้าอี้โทรหาก็ไม่รับเลย"
หวังหยวนโล่งใจอย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องมานั่งทะเลาะกับคนชอบหาเรื่อง
อีกใจก็เป็นห่วงกลัวจะเกิดอะไรร้ายแรงขึ้น แต่จะเป็นห่วงคนแบบนั้นทำไม ต่อไปนี้ต้องเข้มแข็งแล้ว
หวังหยวนจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายอีกแน่ ร่างบางนอนคิดเพลินๆ จนเผลอหลับไปอีกรอบ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"คุณหวังหยวนคะ" หวังหยวนตื่นสะลืมสะลือไปเปิดประตูห้องพบว่าเป็นป้าอี้
"ครับป้าอี้"
"คุณเหว่ยถิงกลับมาแล้วค่ะ เอ่อ..
สภาพดูไม่ได้เชียวค่ะ" หญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้น แสดงท่าทีเป็นห่วง
หวังหยวนเดินตามป้าอี้ลงบันได
เขาไม่ได้เป็นห่วงคนใจร้ายคนนั้นหรอกแต่สงสารป้าอี้ถ้าต้องรับมือคนเดียว
"อ๊ะ! วิลคะ อย่ามือซนนักสิคะ เดินดีๆ ค่ะ"
หญิงสาวเอ่ยเสียงหวานประคองร่างสูงที่เมาไม่ได้สติอย่างทุลักทุเล หวังหยวนเดินสาวเท้าไปหยุดตรงหญ้าหญิงชุดแดง ร่างบางยืนกอดอกมองสภาพดูไม่จืดตรงหน้า
ตาเรียวเล็กไล่มองหญิงงามตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า
"วิลเมามากน่ะค่ะ
กว่าจะพากลับมาได้ทำเอาเอลล่าแทบแย่เลย" เอลล่า หญิงสาวในชุดเดรสสั้นตัวจิ๋วจีบปากจีบคอพูด
"ขอบใจ หมดธุระเธอก็กลับไปได้แล้ว
ที่เหลือฉันดูแลเอง"
"เอ่อ.. ค่ะ หนูเป็นน้องชายของวิลหรือคะ
พูดจาไม่ค่อยน่ารักเลยนะ" หวังหยวนเบ้ปากมองบน ช่างน่าสงสารยัยนี่จริงๆ
"เปล่า ฉันเป็นเมียเขา"
หวังหยวนตอบเสียงเรียบ
"อะไรนะ!! ฉันไม่เชื่อหรอก!! แกโกหก
หน้าตาจืดชืดอย่างแกเนี่ยนะ!?"
หญิงสาวตรงหน้าท่าทีเปลี่ยนไปทันที
เสียงหวีดแหลมของเอลล่าดังจนเหว่ยถิงได้สติ
ร่างสูงยืนมึนงงอยู่กลางสมรภูมิรบขนาดย่อม
หวังหยวนกระชากแขนแข็งแรงของอีกฝ่ายมาใกล้จนร่างของเหว่ยถิงเสียหลักแทบเซล้มลงกับพื้น
"นี่เธอ! เพิ่งกลับลงมาจากบนดอยหรือไง
ผู้ชายที่เธอหิ้วมาเนี่ย เขามีเมียแล้ว! เมียเขาก็ยืนหัวโด่ด่าเธอฉอดๆ อยู่นี่ไง!
หัดตามข่าวสังคมบ้าง ไม่ใช่จะจ้องไล่จับแต่ผู้ชาย คราวหลังจะได้ไม่พลาดอีก
รู้แล้วก็ไปซะ น่ารำคาญ"
หวังหยวนลากสามีกลับห้องนอนโดยไม่สนว่าเอลล่าจะไล่ด่าตามหลังอย่างไรบ้าง
แอลกอฮอล์ที่โชยจากตัวเหว่ยถิงกลิ่นแรงจนน่าเวียนหัว คงจะดื่มมาอย่างหนัก
อยากจะทิ้งให้นอนจมกลิ่นเหล้าก็ทำไม่ลง
"ตัวหนักชะมัดเลย"
หวังหยวนเหวี่ยงคนตัวใหญ่กว่าลงกับเตียงอย่างไม่ใยดี
จัดการถอดเสื้อสูทออกให้อีกฝ่ายได้นอนสบายขึ้น เหว่ยถิงสะลึมสะลือเหมือนจะเริ่มสร่างแล้ว
ข้อมือบางถูกคนที่นอนกองอยู่บนเตียงรั้งไว้
"เดี๋ยวก่อน ..เจ็บมากไหม"
เหว่ยถิงเอ่ยถามอย่างไม่เต็มเสียงนัก
"ผมไม่เป็นไร ปล่อยสิผมจะได้เช็ดตัวให้"
"ฉันขอโทษ.." เสียงแห้งผากเอ่ยออกมา
คนฟังแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
"ผมรู้แล้ว ปล่อยมือผมก่อนได้ไหม
คุณจับแรงขนาดนี้มันเจ็บนะ" หวังหยวนแสร้งทำเป็นเจ็บ
ที่จริงแล้วแค่ไม่ไว้ใจคนตรงหน้าต่างหาก เดี๋ยวร้ายเดี๋ยวดี ไม่รู้จะมาไม้ไหน
เหว่ยถิงดึงคนตัวเล็กมากอดแนบอก
หวังหยวนถลาล้มทับอีกคนใบหน้าทั้งคู่ห่างกันไม่ถึงคืบ
พวงแก้มใสถูกแต้มด้วยสีแดงฝาด ไม่รู้เพราะเมากลิ่นเหล้าจากอีกคนหรืออะไรกันแน่
แววตาคมของคนเป็นสามีจ้องลึกเข้าไปในดวงตาเรียวเล็กเป็นประกาย
ทำเอาอีกคนเนื้อตัวอ่อนยวบ หมดเรี่ยวแรงเสียดื้อๆ
"ฉัน.. ขอจูบเธอได้ไหม" หวังหยวนเม้มปาก
ประหม่ากับสายตาร้อนแรงที่บ่งบอกความต้องการชัดเจน
"ไม่! น้ำก็ไม่อาบ ตัวก็เหม็นแบบนี้ใครจะจูบลง
สกปรกที่สุดเลย!" ร่างเล็กดิ้นจนหลุดจากพันธนาการของคนขี้เมา
ไม่รู้เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรืออะไรที่ทำให้เหว่ยถิงเปลี่ยนไปเป็นคนละคนขนาดนี้
หวังหยวนจะไม่หลงกลเด็ดขาด!
...To be continue...
อยากรู้ฟีดแบค เนื้อเรื่องมันน่าเบื่อไหมอะ 555555555555
เขียนด้วยความเบลอ ไม่เคยมีสติค่ะ 55555555555
ยังไงก็ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันเนาะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น