วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2559

My Roommate :: Waiting x Wangyaun


► My Roommate

Waiting x Wangyuan

► Rate 13+

#Roommate_ถิงหยวน



“อื้ออ.. หวังหยวน”

“สวย.. พี่สาวสวยจัง ผมชอบ..”

ผมมองร่างหญิงสาวที่นอนเย้ายวนอยู่ข้างกายบนเตียงในหอพักของผมกับรูมเมท พี่สาวเอ่ยเรียกชื่อผมด้วยเสียงหวาน สายตาผมไม่อาจละไปจากริมฝีปากอวบอิ่มน่าสัมผัสนั่นได้เลย ผมยาวสลวยไล้ไปตามส่วนเว้าโค้งของร่ายกาย ผมไม่ใช่คนที่หื่นกามอะไรขนาดนั้น แต่นาทีนี้ขอสักหน่อยแล้วกันครับ..


หมับ!!


รู้ตัวอีกทีมือข้างนึงของผมก็วางอยู่บนหน้าอกพี่คนสวยซะแล้ว


อา.. อย่ายิ้มแบบนั้นสิครับ ผมจะละลายอยู่แล้ว..


“ฮื้ออ.. หวังหยวนเด็กลามก” ยอมครับ จะว่ายังไงก็ตามสบายเลย หยวนไม่สนใจ..


ผมบีบคลึงหน้าอกอวบอิ่มที่แทบล้นทะลักออกมาจากบราตัวเล็กจิ๋วอย่างเบามือ อืม.. มันไม่ได้นุ่มนิ่มอย่างที่คิดแฮะ แข็งอย่างกับกล้ามเนื้อผู้ชาย เดี๋ยวนะ.. ผู้ชาย??


อะไรวะ.. น่ารำคาญชิบ


หงุดหงิด ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรมายุกยิกอยู่ข้างผม ร่างกายรู้สึกหนักอึ้งแขนขาแทบขยับไม่ได้ ซ้ำยังมีไออุ่นๆ มาจ่อรดต้นคออยู่ตลอดเวลาอีก อุ่นจนร้อน น


น่ารำคาญเว้ยยยยคนจะนอน!


ผมลืมตาขึ้นในที่สุดเพราะคนความหงุดหงิดไม่ไหว ไม่ทนแม่ง!


“เชี่ยยยย! ไอ้พี่ถิง”


ผมเด้งตัวขึ้นมาทันที่เมื่อเห็นไอ้พี่ถิงมันนอนซุกคอผมอยู่ แถมมือมันยังโอบสะโพกผมไว้อีก แม่ง! ขนาดตอนนอนยังลวนลามกูได้อีกนะมึงงงง


“ไรวะ เป็นบ้าไรอีก” มันลุกขึ้นขยี้หูขยี้ตาอย่างงัวเงีย ผมมองใบหน้ามันที่ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ที่โดนรบกวนเวลานอน แต่ใครจะสนล่ะ


“กูบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่างเลยเขต หมอนข้างกูก็กั้นไว้แล้ว มึงเลยมาทำเชี่ยไร! มันเสยผมตัวเองขึ้นอย่างไม่ทุกข์ร้อน น่าหมั่นไส้!

“เมื่อคืนมึงมาซุกกูเองหรือเปล่าวะ เค้นนมกูซะมันส์มือเชียว กูเป็นผู้เสียหายยังไม่โวยวายเลยนะครับ”


มะ.. เมื่อคืน? อย่าบอกนะว่าที่ผมกอด จูบ ลูบ ไซร้พี่สาวคนนั้น ที่จริงแล้วคือร่างกายของไอ้พี่ถิง!? ม่ายยยยย...

“มะ เมื่อคืนอะไร! มึงอย่ามาพูดมั่วๆ แล้วเมื่อกี้มึงทำไร มือมึงอะ!

“ทำไร? เมื่อกี้กูหลับอยู่” หนอยยย จับตูดกูเต็มมือขนาดนั้นยังมาทำเป็นตีหน้าซื่อ

“มึงจับก้นกู! แม่งง! พูดเองทำไมต้องเขินเองด้วยวะ

“มึงก็จับนมกู เจ๊ากันไปแล้วกัน” พูดจบมันล้มตัวลงพร้อมนอนต่อ โหไอ้นี่ ถ้าคิดว่าจะหลับต่อได้ง่ายๆ ก็อย่างมาเรียกกูว่าหวังหยวนเลย


ผมก้มลงข้างหูมันสูดลมหายใจเข้าให้เต็มปอด


ฟืดด..


เอาล่ะ กูจะทำให้หูมึงพิการไปสัก 3 ชั่วโมง


“ไอ้เหี้--- อุ๊ป!




จุ๊บ!!


ไวกว่าที่ปากผมจะขยับ ไอ้พี่ถิงมันหันมาล็อคคอผมไว้ด้วยแรงมหาศาลก่อนที่มันจะ เอ่อ.. จูบผม ไอ้ถิงมันจูบผม!!

ผมเหมือนโดนแช่แข็งไว้ชั่วขณะ ร่างกายมันไม่ยอมขยับเลยแม้แต่น้อย ผมหลับตาแน่นปี๋หลบสายตาคนตรงหน้า ให้ตายเหอะ ผมไม่ได้กลัวมันนะ แค่ไม่อยากมองหน้าแค่นั้นอง


“อือออ..”


ผมเผลอส่งเสียงผ่านลำคอโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อมีสัมผัสอุ่นปนชื้นวนเวียนอยู่ที่ริมฝีปาก


เพี๊ยะ!!

“มากไปแล้วนะมึง!!” ผมฟาดฝ่ามือที่ต้นแขนมันสุดแรง ทำให้หลุดออกจากพันธนาการของมันได้


“โอ๊ยย!! ตีกูทำไมเนี่ย คนอุส่าห์ปลุก”

“ปลุกเหี้ยไร! มึงจูบกู!

“ปลุก... เร้าอารมณ์มึงไง”

“อะ ไอ้เชี่ยยยยยยย!!

มันพูดพร้อมยังคิ้วหลิ่วตาใส่ ผมได้แต่ยืนกระทืบเท้าตึงตังระบายความโมโหเพราะไม่เคยเอาชนะมันได้เลย ให้ตายเหอะมึงมันน่าหมั่นไส้ ผมอยากจะโดดข่วนหน้ามันสักที ทำไมผมต้องมาติดแหง็กอยู่หอพักเดียวกับมันด้วยวะ

ผมกับมันก็ไม่ใช่ญาติสนิทชิดเชื้อกันหรอก แต่แม่ผมกับแม่มันสนิทกันมากแค่นั้นเอง ตอนเด็กๆ ผมกับมันก็สนิทกันอยู่นะ เล่นด้วยกันตลอด แต่โตขึ้นมาหน่อยไหงมันชอบแกล้งผม แกล้งหนักขึ้นเรื่อยๆ จนผมพาลเกลียดขี้หน้ามันจนถึงทุกวันนี้

ผมเข้าใจคำว่ายิ่งเกลียดยิ่งเจอก็วันนี้แหละ ผมสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้และเป็นคณะเดียวกับไอ้พี่ถิงอีก แม่ผมกับแม่มันเลยตกลงปลงใจว่าให้อยู่หอพักเดียวกันซะเลยจะได้ให้มันดูแลผมด้วย


เหอะ ผมดูแลตัวเองได้หรอกน่า





ผมนั่งดูดชานมไข่มุกรอจุนไคกับเชียนซีอยู่ใต้ตึก โดยมีไอ้พี่ถิงทำตัวเป็นปลิงเกาะผมอยู่ไม่ห่าง ผมชินกับสายตาของนักศึกษาหญิงที่ส่งมาให้ไอ้ลิงยักษ์อยู่ไม่ขาด ถ้าตัดอคติออกไปก็นับว่ามันก็หน้าตาดีทีเดียว ก็แน่หละมันเป็นถึงเดือนคณะ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะสนใจอีกนั่นแหละ


“กินมั่งดิ”

“ก็ไปซื้อเองดิ” ผมตอบโดยไม่คิดจะเงยหน้ามองมันสักนิดเพราะกำลังจดจ่อกับแชทตรงหน้า

“ขี้เกียจ อยากกินของมึง” มันเองก็ยังคงจ้องหน้าผมไม่วางตา

“ก็ไม่ต้องแดก”

ความจริงผมอายุน้อยกว่ามันตั้ง 2 ปี ผมก็แอบรู้สึกผิดอยู่นิดหน่อยที่พูดจาปีนเกลียวมันขนาดนี้ แต่ความรู้สึกผิดนั้นมันลดลงทุกครั้งที่โดนมันแกล้ง

“แล้วนั่นคุยกับใคร?”

มันพูดพลางชะโงกหน้ามามองไอโฟนคู่ใจของผม ไม่มีมารยาท!

จะติดฟิล์มกันเสือกได้ที่ไหนครับเนี่ย

“เพื่อน”

“จริง? ไหนเอามาดู” พูดไม่ทันจบมันก็ดึงมือถือผมไปด้วยความเร็วแสง

“เอาคืนมา!

“ไม่ให้ อยากได้ก็มาเอาดิ” พูดพลางชูมือถือผมขึ้นสุดแขน เหอะ คิดว่ากูจะเอาไม่ได้ล่ะสิ


เออ.. มึงคิดถูกแล้ว

“เอาคืนมา กูขี้เกียจทะเลาะ”

“งั้นให้กูหอมแก้มทีนึง”

“มึงนี่ชักจะวอนเข้าไปทุกทีแล้วนะ จุนไคกับเชียนซีมาโน่นแล้ว เอาคืนมากูจะขึ้นเรียน! ผมพยักพเยิดหน้าไปทางเพื่อนสองคนที่เดินตรงมาทางนี้


“หวัดดีครับพี่ถิง” สองคนส่งเสียงทักทายมาแต่ไกล พอไอ้ลิงยักษ์เผลอผมรีบดึงมือถือคืน ผมยักคิ้วเยาะเย้ยมันให้มันหนึ่งที ฮ่า กูชนะ

“หวัดดีเด็กๆ”

“แกล้งอะไรเพื่อนผมแต่เช้าครับเฮีย” เชียนซีค่อนข้างจะสนิทกับไอ้พี่ถิงเอ่ยถามขึ้น

“ฮ่าๆ เปล่าหรอก งั้นฝากหวังหยวนด้วยนะ เฮียก็จะขึ้นเรียนเหมือนกัน”

“จะไปมึงก็รีบไปเลย ไม่ต้องมาพูดมาก” ผมสวนขึ้นทันทีที่มันพูดจบ มันเองก็ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของผมนักหรอก เพราะคงชินไปแล้ว

“ปากดีนักนะ” ผมเบ้ปากใส่มันอย่างไม่ยี่หระ มันกอดคอผมไว้ ผมเซถลาเมื่อโดนรั้งตัวเข้าไปใกล้




ฟอดดด!!


ไอ้ถิงหอมแก้มผมฟอดใหญ่ เอาซะเต็มปอดเลยนะมึง! ท่ามกลางจุนไคและเชียนซี บวกกับนักศึกษาประมาณแปดแสนคนเป็นพยาน มันแกล้งผมอีกแล้ววววว!!


“เชี่ยยยยย!!


มันวิ่งหนีไปแล้ว ฮือออ! ตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองโมโหมากจนหน้าร้อนไปหมด โมโหจนเหมือนแก้มกำลังจะระเบิดซะให้ได้ ทำไมมันต้องมาทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าคนเยอะๆ ด้วยวะ ฮืออ.. กูจะฆ่าเมิงงงงงง..



--------------------------------------------------------

สวัสดีค่า

คือฟิคนี้ไม่มีอะไรมากนะคะ หยาบนิดหน่อยรับได้โน้ะ

แต่งเองกาวเอง เพื่อความนี้ดของตัวเองล้วนๆ ฝากติดตามกันด้วยค่ะ 5555555



วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2558

[SF] เหว่ยถิง x หวังหยวน :: bitter-sweet ตอนที่ 3

เหว่ยถิง x หวังหยวน

ตอนที่ 3


“เธออยากไปไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า เรายังไม่ได้ไปฮันนีมูนกันเลย” เหว่ยถิงนั่งอ่านหนังสือบนโซฟาตัวยาวในวันหยุด พลางเอ่ยถามภรรยาที่กำลังนั่งดูทีวีอย่างเบื่อหน่าย ช่วงบ่ายแก่แบบนี้มันน่าเบื่อมากจริงๆ

“ผมว่าไม่จำเป็นมั้งครับ เราไม่ได้แต่งงานกันแบบปกติ ไปฮันนี่มูนก็คงไม่มีความสุขเหมือนคู่อื่นหรอก” ตั้งแต่วันที่เมากลับมาหวังหยวนรู้สึกว่าเหว่ยถิงทำตัวดีกับเขาเป็นพิเศษจนไม่น่าไว้ใจ ไม่รู้ว่ารู้สึกผิดหรืออะไร หวังหยวนเองก็ไม่ค่อยเข้าใจอีกคนนัก

“งั้นเหรอ? แล้วการแต่งงานของเรามันผิดปกติตรงไหนล่ะ มีพิธีสมรส สวมแหวน พ่อแม่เห็นชอบ เข้าหออย่างถูกต้อง ฉันไม่เห็นว่ามันจะไม่เหมือนคู่อื่นตรงไหนเลย”

“แต่เราไม่ได้รักกันนี่ครับ” หวังหยวนพูดแบบไม่ทุกข์ไม่ร้อน ตาเรียวยังคงจ้องหน้าจอโทรทัศน์โดยไม่ทันสังเกตุเห็นสีหน้าไม่พอใจของอีกฝ่ายเมื่อได้ยินคำพูดของตน

“จะยังไงก็ช่าง เราต้องไปฮันนีมูน เลือกมาซักที่แล้วกัน” พูดจบร่างสูงก็เดินจ้ำอ้าวหนีขึ้นห้องไป ทิ้งร่างเล็กให้นั่งงอยู่คนเดียวอย่างไม่เข้าใจอารมณ์ของอีกฝ่ายเลย เดี๋ยวดีเดี๋ยวหงุดหงิด หวังหยวนนั่งคิดในใจ สามีของเขาไม่น่าจะเข้าช่วงวัยทองเร็วขนาดนี้

หวังหยวนเลิกสนใจสามีเอาแต่ใจแล้วหยิบหนังสือเรียนขึ้นอ่าน อีกสองสัปดาห์ก็จะสอบไฟนอลแล้วคงมัวแต่เล่นไม่ได้ หลังจากสอบเสร็จปิดเทอมแล้วคงจะสบายขึ้น อยากไปเที่ยวกับเพื่อนและไปเยี่ยมพ่อที่ไม่ค่อยได้เจอกันอีกด้วย แต่คิดดูอีกทีหวังหยวนก็ยังเกรงใจเหว่ยถิงอยู่เหมือนกัน เขาแต่งงานแล้วไม่อยากจะไปเที่ยวเตร็ดเตร่เล่นเหมือนเมื่อก่อน ทั้งที่ในใจอยากจะไปแทบแย่ก็เถอะ ยังไงตอนนี้หน้าที่ภรรยาก็สำคัญ เพราะพ่อแม่ของเหว่ยถิงเองก็เอ็นดูหวังหยวนมากปานลูกในไส้ ถึงแม้จะไม่ค่อยได้เจอกันเพราะงานยุ่งกันทั้งคู่ก็เถอะ

หวังหยวนเงยหน้าขึ้นจากหนังสือมองสามีที่เดินผ่านห้องนั่งเล่นไปแต่ไม่ได้พูดอะไร เขาคงจะออกไปหาเพื่อนดื่มตามปกตินั่นแหละ ทั้งคู่สบตากัน หวังหยวนมองสีหน้าบึ้งตึงของเหว่ยถิงแต่ไม่ได้พูดอะไร เริ่มชินซะแล้วกับอาการแปรปรวนของสามีแก่ เด็กน้อยก้มลงอ่านหนังสือต่อจนได้ยินเสียงรถวิ่งออกไป






เสียงเพลงคลอเคล้าบรรยากาศยามค่ำคืนในบาร์แห่งหนึ่ง เหว่ยถิงนั่งบนชุดโซฟาในมุมลับตาคน แขนยาวพาดกับขอบโซฟาพลางจิบวิสกี้รสเข้มขึ้นดื่ม ใบหน้าคมเข้มน่ามอง ร่างสูงขยับกายภายใต้ความมืดสลัว ทุกท่วงท่านั้นเรียกความสนใจจากสาวนักท่องราตรีแถวนั้นได้ไม่น้อย ข้างกันมีนายแพทย์หนุ่ม อู๋อี้ฟาน ที่เพิ่งปลีกตัวจากงานมาหาเพื่อนรักที่กำลังมีเรื่องทุกข์ใจ ใครก็รู้ว่าเป็นหมองานยุ่งขนาดไหน แต่ถ้าเฉินเหว่ยถิงต้องการ มีหรือเขาจะทำเป็นเมินเฉยได้

สวัสดีค่ะหญิงสาวหน้าตาคุ้นเคยเอ่ยทักแต่เหว่ยถิงไม่ได้สนใจ ก็คงจะแค่เคยชนแก้วกัน

จำเอลล่าได้หรือเปล่าคะ?”

จำไม่ได้ร่างสูงเหลือบตามองหญิงสาวตรงหน้า

แหม ลืมกันเร็วจัง เอลล่าเคยพาคุณไปส่งที่บ้านเมื่ออาทิตย์ก่อนไงคะเอลล่าหย่อนสะโพกนั่งข้างอีกคนอย่างถือวิสาสะ เหว่ยถิงแสดงความเบื่อหน่ายออกทางสีหน้าอย่างชัดเจนแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น

อืม ขอบใจ

เอลล่าเราว่ามาแก้ตัวเรื่องคืนนั้นดีกว่านะคะ วิล..ใบหน้าสะสวยส่งยิ้มหวานเยิ้มให้พลางใช้นิ้วเรียวไล้ไปตามปกคอเสื้อของอีกฝ่ายอย่างยั่วยวน

ฉันไม่มีอารมณ์หรอก เธอไปได้แล้วเหว่ยถิงพูดตัดรำคาญพลางขยับตัวออกให้ห่างจากอีกคน
แต่ว่า..

ฉันไม่ชอบพูดอะไรซ้ำซากนะ!เหว่ยถิงหมดความอดทน เสียงเพลงในร้านที่ไม่ได้ดังมากพอที่จะกลบเสียงตะโกนทำให้คนในร้านแทบหันมามองเขาเป็นจุดเดียว เอลล่าลุกขึ้นกระทืบเท้าอย่างไม่พอใจ ริมฝีปากแดงสดง้ำงอก่อนจะเดินหายไปในความมืด

"ใจเย็นไอ้เสือ มึงหงุดหงิดอะไรมานักหนาวะ" อี้ฟานเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นท่าทีของเพื่อนรัก ปกติเหว่ยถิงแทบไม่เคยปฏิเสธผู้หญิงที่เข้าหาเขาเลย

"หรือว่า.. มึงหงุดหงิดเรื่องเมีย?" เหว่ยถิงพยักหน้าแทนคำตอบ อี้ฟานมองคนตรงหน้า ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเริ่มเดาทางถูก

"มึงเป็นอะไรก็พูดมาสิวะ ทำหน้าอมทุกข์อยู่นั่นน่ะ กูอยากเสือกจะตายแล้วเนี่ย"

"เมียกูเอาแต่พูดอยู่ได้ว่าไม่ได้รักกันอยู่นั่นแหละ วันนี้กูชวนไปฮันนีมูนก็ยกเอาเรื่องนี้มาอ้าง เห้อ" อี้ฟานลอบขำเมื่อเห็นสีหน้าอมทุกข์ของอีกฝ่าย คงจะขมขื่นมากล่ะสินะ

"แล้วยังไงต่อวะ?"

"อย่างที่มึงรู้ว่ากูชอบน้องเขามาก่อน พอพ่อกูบอกให้แต่งงานกูก็ยิ่งดีใจ ตอนนี้กูพูดได้เต็มปากเลยว่ารัก แต่เมียกูนี่สิ เห้อ.. เฉยชากับกูตั้งแต่เข้าหอยันตอนนี้ เขาทำทุกอย่างเพราะหน้าที่ว่ะมึง" เหว่ยถิงนึกถึงวันที่พ่อของเขาส่งรูปลูกชายของเพื่อนไปอวด รอยยิ้มไร้เดียงสา ถึงแม้ไม่ได้สวยโดดเด่น แต่น่ารักจนทำให้หัวใจเขาสั่นไหวอยู่ไม่สุขทีเดียว

"ก็มึงทำสันดานใส่เขาก่อนทำไมล่ะ สมน้ำหน้าเหอะสัส"

"แล้วมึงจะให้กูทำไงวะ เรื่องแต่งงานถึงหวังหยวนไม่ได้ขัดขืน แต่ก็ไม่ได้เต็มใจนัก ที่ร้ายใส่แบบนั้นกูก็แค่ไม่รู้จะเข้าหาน้องยังไง รู้ตัวอีกทีหวังหยวนก็มองกูติดลบไปแล้ว" เหว่ยถิงถอนหายใจอีกรอบ อี้ฟานทั้งขำทั้งสงสารเพื่อนแต่ก็จะไม่รู้จะช่วยยังไง ขนาดเรื่องของตัวเองยังแทบไม่รอด คงได้แค่รับฟังแล้วให้คำปรึกษากันไป

"กูว่ามึงต้องแก้ตัวใหม่ว่ะ ทำให้น้องมองมึงในมุมใหม่ ทำให้น้องรู้ว่ามึงรักเขา แต่ไม่ใช่บอกด้วยคำพูดนะเว้ย มึงต้องบอกเขาด้วยการกระทำ" เหว่ยถิงพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของนายแพทย์หนุ่ม

"แล้วกูควรทำยังไงวะ"

"มันอยู่ที่มึงแล้วว่ะเพื่อน กูต้องไปแล้วพรุ่งนี้เข้าเวรเช้า" อี้ฟานตบบ่าเพื่อนรักอย่างเอาใจช่วยก่อนจะเดินออกไป

"อืม.... บอกรักด้วยการกระทำงั้นเหรอ" เหว่ยถิงนั่งทบทวนคำแนะนำของเพื่อน รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าทันทีที่คิดแผนดีๆ ออก





"อืออ.. กลับมาแล้วเหรอครับ" หวังหยวนลืมตางัวเงียขึ้นเมื่อรู้สึกถึงแรงยวบบนเตียงแล้วหลับตาลงเพื่อนอนต่อ

"อืม กลับมาแล้ว" เหว่ยถิงนั่งลงข้างภรรยาเด็กซุกปลายจมูกหอมแก้มนิ่มเบาๆ กลิ่นของเด็กน้อยมันเย้ายวนจนแทบหยุดไม่ได้ซะทุกครั้ง

"ฮื่ออ! ออกไปน่าผมจะนอน" หวังหยวนยังคงหลับตาเอามือปัดป่ายเพราะความรำคาญ อ่านหนังสือทั้งบ่ายกว่าจะได้นอนก็เกือบเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว

"โอเคๆ ไม่กวนก็ได้" เหว่ยถิงไม่ได้นึกน้อยใจที่คนตัวเล็กบ่ายเบี่ยง คงจะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว

"คุณยังไม่อาบน้ำนี่ นอนไม่ได้นะ ผมเหม็นเหล้า" เหว่ยถิงชะงักทันทีเมื่อกำลังจะล้มตัวนอนข้างกายอีกคน

"ไม่เอาล่ะ ฉันง่วงแล้วเหมือนกัน"

"ถ้าไม่อาบก็ไปนอนห้องอื่นแล้วกัน คนอะไรซกมกจริงๆ" ไม่พูดเปล่าหวังหยวนเอาหมอนให้สามีหนึ่งใบก่อนจะกลับไปนอนต่อ เมียเด็กของเหว่ยถิงช่างมีน้ำใจดีงาม

"ก็ได้ๆ ไปอาบแล้วก็ได้ครับทูนหัว" ท้ายที่สุดก็ต้องลุกไปอาบน้ำอย่างจำใจ เรื่องอะไรจะไปนอนห้องอื่น มีเมียแล้วก็ต้องนอนกับเมียสิ


 ... to be continue...












วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2558

[SF] เหว่ยถิง x หวังหยวน :: bitter-sweet ตอนที่ 2

เหว่ยถิง x หวังหยวน

ตอนที่ 2

"..หวังหยวน หวังหยวน" จุนไคเรียกหวังหยวนให้หลุดจากภวังค์ความคิดจนร่างเล็กสะดุ้งตัวเล็กน้อย วันนี้คนตัวเล็กนั่งเหม่อลอยตั้งแต่เริ่มเรียนจนเลิกคลาส ทั้งสองคนเก็บของเข้ากระเป๋าเตรียมตัวกลับบ้านอย่างเคย หวังหยวนรู้สึกว่าช่วงนี้ร่างกายมันเหนื่อยอ่อน เหมือนคนไม่มีเรี่ยวแรงเข้าไปทุกที หวังหยวนต้องการความบันเทิง..

"เฮ้ จุนไค"

"อ้าว หวัดดีครับเกอ" หวังหยวนเอ่ยทักผู้มาใหม่

"ไง หวังหยวน หน้าตาดูสดชื่นนะ" หวังหยวนยิ้มแหยๆ กลับไปให้ สดชื่นกับผีอะไรล่ะเกอ เขาคิดในใจ มองอีกคนที่โปรยยิ้มหวานให้เพื่อนรักอยู่หน้าประตูห้องเรียนก่อนจะเดินเข้ามาใกล้

"เซียนซี นายมาช้านะ!" จุนไคมองหน้าเซียนซี คนรักของเขาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ที่จริงก็ไม่ได้มาช้าอะไรเพราะพวกเขาก็เพิ่งเรียนเสร็จ แต่จุนไคก็ชอบหาเรื่องแฟนของเขาตามประสา

"โถ่ที่รัก ซ้อมบอลเสร็จก็รีบมาเลย เห็นไหมเหงื่อโชกไปหมดเลยเนี่ย" อีกฝ่ายทำท่าจะเข้ามากอดแต่โดนคนตัวเล็กกว่าผลักออกไป

"อี๋ เหม็น! นี่มันห้องเรียนนะ รุ่มร่ามจริงๆ" เซียนซียักไหล่ไม่ได้สนอกสนใจกับคำดุด่าของคนรัก

"หวังหยวน เกอจะพาน้องแมวดุไปร้องเกะ นายจะไปไหม" พูดจบหวังหยวนตาลุกวาวขึ้นทันที พวกเขาสามคนก็ไปเที่ยวด้วยกันเป็นปกติอยู่แล้ว และคู่รักสองคนนี้ก็ไม่ได้คิดว่าหวังหยวนเป็นก้างขวางคออะไร เพราะสนิทกันมาตั้งแต่สมัยม.ต้น

"เกอออ หยวนรอประโยคนี้มานานแค่ไหนเกอรู้ไหมม ~~" หวังหยวนสะพายกระเป๋าพร้อมกับถลาตัวเข้าหาเซียนซี ทั้งสองคนหัวเราะกับท่าทีของหวังหยวนก่อนจะเดินออกไปข้างนอก

"นี่พวกนายเดินกันไปก่อนนะ ฉันขอเข้าห้องน้ำแป๊ปนึง" จุนไคตะโกนบอกสองคนที่เดินกอดคอกันกำลังเดินออกไปรอที่ม้าหินอ่อนที่ประจำ





"หวังหยวน!" เสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้เด็กหนุ่มสองคนหันไปมองทางต้นเสียงเป็นตาเดียว เซียนซีปล่อยคนตัวเล็กจากพันธนาการ

"คุณ.. เดี๋ยวสิ! ปล่อยผมนะ!" หวังหยวนลืมนัดกับสามีไปเสียสนิท เหว่ยถิงเดินไปฉุดเรียวแขนเล็กขึ้นรถโดยไม่สนใจเสียงทัดทาน เขาชักจะโมโหขึ้นมาเสียดื้อๆ

รถคันหรูทะยานออกจากมหาวิทยาลัยด้วยความเร็วสูง มือของเด็กน้อยหาสิ่งยึดเหนี่ยวเพราะสามีของเขาขับรถเร็วเกินไปแล้ว ร่างเล็กตะโกนห้ามแต่อีกคนไม่สนใจฟัง มีเพียงสายตาดุดันส่งกลับมาแทน
เหว่ยถิงขับรถมาจอดเทียบหน้าประตูบ้าน อันที่จริงวันนี้เขาตั้งใจจะพาหวังหยวนไปช็อปปิ้งเพราะอยากทำให้สถานการณ์ความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองคนดีขึ้น แต่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์แล้ว น่าหงุดหงิด

"จะปลดล็อคประตูได้หรือยังครับคุณ"

"จะรีบลงไปไหน" น้ำเสียงราบเรียบนั้นหวังหยวนรู้ดีว่าแฝงความไม่พอใจเอาไว้

"เปล่าครับ" หวังหยวนไม่ได้แสดงอาการใดเพียงนั่งเฉยๆ ก็ยิ่งทำให้อีกคนหงุดหงิดมากขึ้นอีก

"เวลาอยู่กับฉันเธอไม่ต้องทำหน้าอมทุกข์ขนาดนั้นก็ได้นะ มันแย่ขนาดนั้นเลยหรือไง"

หึ ทีตอนอยู่กับไอ้หน้าอ่อนนั่นยิ้มระริกระรี้มีความสุขเชียวนะ แถมยังกอดรัดกันออกหน้าออกตาซะขนาดนั้น

"ก็เปล่านี่ครับ ผมก็ทำตัวปกติ"

"แล้วยังไง? เมื่อวานก็อ่อยอาจารย์ วันนี้ก็อ่อยไอ้เด็กนั่น เธอจะเอากี่คนกันแน่ จับทั้งหมดมามัดรวมกันเลยดีไหม?"

หวังหยวนไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร หวังหยวนไม่ได้อ่อยใครทั้งนั้น ทำไมเขาถึงได้ชอบพูดจาร้ายๆ ใส่อยู่เรื่อย

"คุณพูดอะไร ผมไม่รู้เรื่อง"

"เหอะ! เธออยู่กับฉันแล้วไม่มีความสุข คงจะได้ความสุขจากที่อื่นแล้วล่ะสิ"

"คุณจะให้ผมมีความสุขได้ยังไง ในเมื่อคุณไม่ได้รักผม! ผมก็ไม่ได้รักคุณ เราแต่งงานกันเพราะภาระหน้าที่!"

"ก็ดี! งั้นฉันจะทำให้เธอมีความสุขเอง! แบบที่นายจะลืมไม่ลงเลยหละ หึ.."

เหว่ยถึงกึ่งฉุดกึ่งลากหวังหยวนเข้าบ้าน สั่งป้าอี้ห้ามใครขึ้นไปรบกวนจนกว่าเขาจะลงมา หวังหยวนออกแรงทั้งทุบตี ทั้งใช้เล็บจิกข่วน แต่ก็ไม่เป็นผล ร่างเล็กถูกเหวี่ยงลงกับเตียงกว้าง หวังหยวนจุกจากแรงเหวี่ยงจนตัวงอ ร่างสูงไม่รอช้าขึ้นคร่อมทับล็อคแขนอีกคนตรึงไว้กับเตียงทันที

"โอ๊ยย!! ผมเจ็บ ปล่อยนะ!" เหว่ยถิงไม่สนใจเสียงคัดค้านของอีกฝ่าย จมูกโด่งซุกไซร้ลำคอขาวสูดกลิ่นหอมของเด็กแรกรุ่นเข้าเต็มปอด หวังหยวนดิ้นพล่านน้ำตาคลอเต็มหน่วยยิ่งทำให้อารมณ์ดิบเถื่อนของเหว่ยถิงพลุ่งพล่านขึ้นอย่างไม่อาจหยุดได้

"อื้ออ!! คุณ! ผมบอกให้ปล่อย อย่านะ!"

"จะดิ้นอะไรหนักหนา! ผัวเมียเอากันมันเรื่องปกติ"

ริมฝีปากร้อนโฉบลงบดเบียดจูบร้อนแรงกับปากอิ่ม หวังหยวนพยายามต่อต้านสัมผัสที่จาบจ้วงแต่อีกฝ่ายแรงเยอะเหลือเกิน น้ำตาใสเอ่อรินเป็นสายหวังหยวนเริ่มหมดแรงต่อสู้ เหว่ยถิงหยุดการกระทำมองร่างขาวตรงหน้าที่กำลังร้องไห้ เหอะ น่าหงุดหงิดสิ้นดี

"อึก.. ฮือ คุณมันน่ารังเกียจที่สุด"

"อยากพูดอะไรก็พูดไปเถอะ ยังไงฉันก็ผัวเธอ"

เหว่ยถิงเหยียดยิ้มพูดเน้นคำที่แสดงความเป็นเจ้าของให้ชัดเจนที่สุด หวังหยวนรู้ดีว่าคนตรงหน้าคงไม่หยุดเพราะเข่าที่แทรกระหว่างขาเรียว รอยยิ้มเย้ยหยันของอีกฝ่าย หวังหยวนหลับตาแน่นรอรับชะตากรรม

"หึ อย่าเกร็งล่ะเด็กน้อย"




ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่หวังหยวนนอนรองรับอารมณ์สวาทที่เหว่ยถิงปลดปล่อยออกมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง สะโพกกลมตอนนี้ปวดจนแทบจะขยับไม่ได้ การกระทำรุนแรงทำให้ผิวกายบอบบางขึ้นรอยช้ำเต็มไปหมด เหว่ยถิงพลิกตัวกอดร่างบางไว้แนบอกเขาตื่นขึ้นมาเพราะร่างกายที่สั่นเทาของอีกคน หวังหยวนสะอื้นเบาๆ ปล่อยน้ำตาหยดลงเป็นสายโดนไม่มีคำพูดใด

"เป็นของฉันจนได้" เหว่ยถิงเก็บความไม่พอใจไว้ข้างใน หวังหยวนเป็นของเขาแล้วทำไมต้องร้องไห้เสียใจขนาดนั้น เขากดริมฝีปากจูบไหล่เนียนคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง หวังหยวนไม่ได้โต้ตอบอะไรเพียงแต่ขยับตัวหนีสัมผัสสามีของตน

"ฉันไม่ได้อยากใจร้ายนะ ทำไมเธอชอบตั้งท่ารังเกียจฉันนัก"

"ฮึก! เพราะคุณมันน่ารังเกียจ คุณไม่ได้รักผม แล้วคุณทำแบบนี้ทำไม.. สะใจคุณหรือยัง!! พอใจหรือยัง!!" เหว่ยถิงมองหวังหยวนที่ร้องฟูมฟายเป็นบ้าเป็นหลัง เขานึกเป็นห่วงหวังหยวนอยู่เหมือนกันที่โดนเขากระทำรุนแรงขนาดนั้น แต่ท่าทางหยิ่งยะโสแบบนี้มันน่าโมโหจริงๆ

"ทำไมเธอไม่ทำตัวดีๆ กับฉันบ้าง แค่นี้ทำไม่ได้หรือไง!"

"คุณไม่สมควรได้รับมัน" น้ำตายังไหลออกมาไม่ขาด

"ร้องไห้อยู่ได้ น่ารำคาญ" ไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตอบโต้อะไร เหว่ยถิงหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมแล้วออกไปจากห้อง เนิ่นนานจนหวังหยวนแน่ใจว่าเขาไม่ได้กลับเข้ามาแล้ว ร่างบางก็ผลอยหลับไปเพราะความเหนื่อยล้า




หวังหยวนตื่นขึ้นมาเพราะแสงแดดแก่ๆ ที่แยงตา เขารู้สึกร้อนเพราะแดดตอนสายพาดผ่านร่างกายเขาเต็มๆ นาฬิกาหัวเตียงบอกเวลา 08.32 น. เขาคงไปไม่ทันเรียนแล้วสินะ ถึงทันก็คงไปไม่ไหว จนถึงตอนนี้เขายังไม่สามารถขยับช่วงล่างได้เลย

ริงโทนที่คุ้นเคยแผดเสียงขึ้น หวังหยวนเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาอย่างลำบาก หน้าจอปรากฏชื่อเพื่อนรัก

'จุนไค'

"ฮัลโหลจุนไค"

'หยวน ทำไมนายไม่เข้าเรียน เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมไม่โทรบอกฉัน' จุนไคยิงคำถามรัวเป็นชุด หวังหยวนกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก เหมือนคอจะแห้งแทบเป็นผง

"อื้ม รู้สึกไม่สบายนิดหน่อย ขอโทษนะที่ไม่ได้โทรบอก แค่กๆๆ"

'งั้นนายรีบกินยานะ เดี๋ยวเลิกเรียนฉันจะไปหาที่บ้าน'

"อย่านะ!! เอ่อ.. คือฉันกลัวนายจะติดไข้น่ะ นายไม่ต้องมาหรอกเดี๋ยวฉันก็หาย" หวังหยวนเผลอทำเสียงดัง เขาไม่อยากให้เพื่อนมาเห็นเขาในสภาพแบบนี้

'อ่าา โอเคๆ รีบหายนะหยวน ฉันเหงารู้ไหม'

"อื้ม แค่นี้นะ" หวังหยวนไม่อยากจะพูดอะไรมาก ถ้าจุนไครู้มากพ่อเขาก็จะรู้ไปด้วย หวังหยวนไม่ค่อยได้ติดต่อพ่อเพราะตอนนี้งานคงยุ่งมาก แล้วเขาก็อยากให้พ่อเข้าใจว่าเขาอยู่สุขสบายดี

หวังหยวนอยากจะชำระร่างกายให้สดชื่นเสียที นอนเหนียวตัวทั้งคืนอึดอัดจะแย่ ร่างบางพยายามประคองตัวเองลุกขึ้นแต่คงเพราะพิษไข้ หวังหยวนเซล้มลงข้างเตียง มือปัดแจกันดอกไม้ตกพื้นกระจัดกระจาย

เพล้งง!!
หวังหยวนได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งพร้อมเสียงเปิดประตูห้อง ตอนนี้สายตาพล่ามัวมองแทบจะไม่เห็นอะไรอยู่แล้ว สติสัมปชัญญะเลือนลงช้าๆ พร้อมกับเสียงของป้าอี้แว่วมาแต่ไกล

"คุณหวังหยวน!!"




เปลือกตาบางขยับก่อนลืมตาขึ้นช้าๆ หวังหยวนรู้สึกว่าอาการเจ็บแปลบที่สะโพกทุเลาลงมาก ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไหร่เขารู้สึกปวดหัวตื้อไปหมด ซ้ำท้องยังร้องโครกครากน่าอายอีกด้วย

"คุณหวังหยวนตื่นแล้วหรือคะ?" สาวใช้จินเจี่ยรีบเดินเข้ามาประคองเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะลุกขึ้น

"อื้ออ พี่จินเจี่ย หอมจังเลย ~ นั่นข้าวของผมหรือเปล่าครับ" หวังหยวนเอามือกุมท้องทำหน้าชะเง้อมองถาดอาหารที่จินเจียยกเข้ามา น้ำย่อยในกระเพาะคงกำลังแผลงฤทธิ์ สาวใช้นึกเอ็นดูเจ้านายตัวน้อยก่อนจะยกชามข้าวต้มมาให้

"อ่าา อร่อยจังเลย" หวังหยวนตักข้าวต้มเข้าปากคำแล้วคำเล่าจนหมดชาม

"หลับไปตั้งสองวันเต็มๆ ทานเก่งขึ้นนะคะ" จินเจี่ยยิ้มหวานให้ หวังหยวนเบิกตากว้างไม่คิดว่าตัวเองจะหลับไปนานขนาดนี้

"หา!? แล้ว.. ใครเปลี่ยนชุดให้ผมครับ"

"จินเจี่ยเองค่ะ เดี๋ยวจินเจี่ยขึ้นมาเช็ดตัวให้นะคะ" หวังหยวนเงียบไปเพราะจินเจี่ยคงรู้หมดแล้วว่าเขาโดนอะไรมา

"แล้วคุณเหว่ยถิงไปทำงานหรือครับ"

"คุณเขาไม่กลับบ้านมาสองวันแล้วค่ะ ป้าอี้โทรหาก็ไม่รับเลย"

หวังหยวนโล่งใจอย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องมานั่งทะเลาะกับคนชอบหาเรื่อง อีกใจก็เป็นห่วงกลัวจะเกิดอะไรร้ายแรงขึ้น แต่จะเป็นห่วงคนแบบนั้นทำไม ต่อไปนี้ต้องเข้มแข็งแล้ว หวังหยวนจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายอีกแน่ ร่างบางนอนคิดเพลินๆ จนเผลอหลับไปอีกรอบ



ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"คุณหวังหยวนคะ" หวังหยวนตื่นสะลืมสะลือไปเปิดประตูห้องพบว่าเป็นป้าอี้

"ครับป้าอี้"

"คุณเหว่ยถิงกลับมาแล้วค่ะ เอ่อ.. สภาพดูไม่ได้เชียวค่ะ" หญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้น แสดงท่าทีเป็นห่วง
หวังหยวนเดินตามป้าอี้ลงบันได เขาไม่ได้เป็นห่วงคนใจร้ายคนนั้นหรอกแต่สงสารป้าอี้ถ้าต้องรับมือคนเดียว

"อ๊ะ! วิลคะ อย่ามือซนนักสิคะ เดินดีๆ ค่ะ" หญิงสาวเอ่ยเสียงหวานประคองร่างสูงที่เมาไม่ได้สติอย่างทุลักทุเล หวังหยวนเดินสาวเท้าไปหยุดตรงหญ้าหญิงชุดแดง ร่างบางยืนกอดอกมองสภาพดูไม่จืดตรงหน้า ตาเรียวเล็กไล่มองหญิงงามตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า

"วิลเมามากน่ะค่ะ กว่าจะพากลับมาได้ทำเอาเอลล่าแทบแย่เลย" เอลล่า หญิงสาวในชุดเดรสสั้นตัวจิ๋วจีบปากจีบคอพูด

"ขอบใจ หมดธุระเธอก็กลับไปได้แล้ว ที่เหลือฉันดูแลเอง"

"เอ่อ.. ค่ะ หนูเป็นน้องชายของวิลหรือคะ พูดจาไม่ค่อยน่ารักเลยนะ" หวังหยวนเบ้ปากมองบน ช่างน่าสงสารยัยนี่จริงๆ

"เปล่า ฉันเป็นเมียเขา" หวังหยวนตอบเสียงเรียบ

"อะไรนะ!! ฉันไม่เชื่อหรอก!! แกโกหก หน้าตาจืดชืดอย่างแกเนี่ยนะ!?"

หญิงสาวตรงหน้าท่าทีเปลี่ยนไปทันที เสียงหวีดแหลมของเอลล่าดังจนเหว่ยถิงได้สติ ร่างสูงยืนมึนงงอยู่กลางสมรภูมิรบขนาดย่อม หวังหยวนกระชากแขนแข็งแรงของอีกฝ่ายมาใกล้จนร่างของเหว่ยถิงเสียหลักแทบเซล้มลงกับพื้น

"นี่เธอ! เพิ่งกลับลงมาจากบนดอยหรือไง ผู้ชายที่เธอหิ้วมาเนี่ย เขามีเมียแล้ว! เมียเขาก็ยืนหัวโด่ด่าเธอฉอดๆ อยู่นี่ไง! หัดตามข่าวสังคมบ้าง ไม่ใช่จะจ้องไล่จับแต่ผู้ชาย คราวหลังจะได้ไม่พลาดอีก รู้แล้วก็ไปซะ น่ารำคาญ" หวังหยวนลากสามีกลับห้องนอนโดยไม่สนว่าเอลล่าจะไล่ด่าตามหลังอย่างไรบ้าง แอลกอฮอล์ที่โชยจากตัวเหว่ยถิงกลิ่นแรงจนน่าเวียนหัว คงจะดื่มมาอย่างหนัก อยากจะทิ้งให้นอนจมกลิ่นเหล้าก็ทำไม่ลง

"ตัวหนักชะมัดเลย" หวังหยวนเหวี่ยงคนตัวใหญ่กว่าลงกับเตียงอย่างไม่ใยดี จัดการถอดเสื้อสูทออกให้อีกฝ่ายได้นอนสบายขึ้น เหว่ยถิงสะลึมสะลือเหมือนจะเริ่มสร่างแล้ว ข้อมือบางถูกคนที่นอนกองอยู่บนเตียงรั้งไว้

"เดี๋ยวก่อน ..เจ็บมากไหม" เหว่ยถิงเอ่ยถามอย่างไม่เต็มเสียงนัก

"ผมไม่เป็นไร ปล่อยสิผมจะได้เช็ดตัวให้"

"ฉันขอโทษ.." เสียงแห้งผากเอ่ยออกมา คนฟังแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

"ผมรู้แล้ว ปล่อยมือผมก่อนได้ไหม คุณจับแรงขนาดนี้มันเจ็บนะ" หวังหยวนแสร้งทำเป็นเจ็บ ที่จริงแล้วแค่ไม่ไว้ใจคนตรงหน้าต่างหาก เดี๋ยวร้ายเดี๋ยวดี ไม่รู้จะมาไม้ไหน

เหว่ยถิงดึงคนตัวเล็กมากอดแนบอก หวังหยวนถลาล้มทับอีกคนใบหน้าทั้งคู่ห่างกันไม่ถึงคืบ พวงแก้มใสถูกแต้มด้วยสีแดงฝาด ไม่รู้เพราะเมากลิ่นเหล้าจากอีกคนหรืออะไรกันแน่ แววตาคมของคนเป็นสามีจ้องลึกเข้าไปในดวงตาเรียวเล็กเป็นประกาย ทำเอาอีกคนเนื้อตัวอ่อนยวบ หมดเรี่ยวแรงเสียดื้อๆ

"ฉัน.. ขอจูบเธอได้ไหม" หวังหยวนเม้มปาก ประหม่ากับสายตาร้อนแรงที่บ่งบอกความต้องการชัดเจน

"ไม่! น้ำก็ไม่อาบ ตัวก็เหม็นแบบนี้ใครจะจูบลง สกปรกที่สุดเลย!" ร่างเล็กดิ้นจนหลุดจากพันธนาการของคนขี้เมา ไม่รู้เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรืออะไรที่ทำให้เหว่ยถิงเปลี่ยนไปเป็นคนละคนขนาดนี้ หวังหยวนจะไม่หลงกลเด็ดขาด! 


...To be continue...



อยากรู้ฟีดแบค เนื้อเรื่องมันน่าเบื่อไหมอะ 555555555555
เขียนด้วยความเบลอ ไม่เคยมีสติค่ะ 55555555555
ยังไงก็ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันเนาะ