วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2558

[SF] เหว่ยถิง x หวังหยวน :: bitter-sweet ตอนที่ 3

เหว่ยถิง x หวังหยวน

ตอนที่ 3


“เธออยากไปไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า เรายังไม่ได้ไปฮันนีมูนกันเลย” เหว่ยถิงนั่งอ่านหนังสือบนโซฟาตัวยาวในวันหยุด พลางเอ่ยถามภรรยาที่กำลังนั่งดูทีวีอย่างเบื่อหน่าย ช่วงบ่ายแก่แบบนี้มันน่าเบื่อมากจริงๆ

“ผมว่าไม่จำเป็นมั้งครับ เราไม่ได้แต่งงานกันแบบปกติ ไปฮันนี่มูนก็คงไม่มีความสุขเหมือนคู่อื่นหรอก” ตั้งแต่วันที่เมากลับมาหวังหยวนรู้สึกว่าเหว่ยถิงทำตัวดีกับเขาเป็นพิเศษจนไม่น่าไว้ใจ ไม่รู้ว่ารู้สึกผิดหรืออะไร หวังหยวนเองก็ไม่ค่อยเข้าใจอีกคนนัก

“งั้นเหรอ? แล้วการแต่งงานของเรามันผิดปกติตรงไหนล่ะ มีพิธีสมรส สวมแหวน พ่อแม่เห็นชอบ เข้าหออย่างถูกต้อง ฉันไม่เห็นว่ามันจะไม่เหมือนคู่อื่นตรงไหนเลย”

“แต่เราไม่ได้รักกันนี่ครับ” หวังหยวนพูดแบบไม่ทุกข์ไม่ร้อน ตาเรียวยังคงจ้องหน้าจอโทรทัศน์โดยไม่ทันสังเกตุเห็นสีหน้าไม่พอใจของอีกฝ่ายเมื่อได้ยินคำพูดของตน

“จะยังไงก็ช่าง เราต้องไปฮันนีมูน เลือกมาซักที่แล้วกัน” พูดจบร่างสูงก็เดินจ้ำอ้าวหนีขึ้นห้องไป ทิ้งร่างเล็กให้นั่งงอยู่คนเดียวอย่างไม่เข้าใจอารมณ์ของอีกฝ่ายเลย เดี๋ยวดีเดี๋ยวหงุดหงิด หวังหยวนนั่งคิดในใจ สามีของเขาไม่น่าจะเข้าช่วงวัยทองเร็วขนาดนี้

หวังหยวนเลิกสนใจสามีเอาแต่ใจแล้วหยิบหนังสือเรียนขึ้นอ่าน อีกสองสัปดาห์ก็จะสอบไฟนอลแล้วคงมัวแต่เล่นไม่ได้ หลังจากสอบเสร็จปิดเทอมแล้วคงจะสบายขึ้น อยากไปเที่ยวกับเพื่อนและไปเยี่ยมพ่อที่ไม่ค่อยได้เจอกันอีกด้วย แต่คิดดูอีกทีหวังหยวนก็ยังเกรงใจเหว่ยถิงอยู่เหมือนกัน เขาแต่งงานแล้วไม่อยากจะไปเที่ยวเตร็ดเตร่เล่นเหมือนเมื่อก่อน ทั้งที่ในใจอยากจะไปแทบแย่ก็เถอะ ยังไงตอนนี้หน้าที่ภรรยาก็สำคัญ เพราะพ่อแม่ของเหว่ยถิงเองก็เอ็นดูหวังหยวนมากปานลูกในไส้ ถึงแม้จะไม่ค่อยได้เจอกันเพราะงานยุ่งกันทั้งคู่ก็เถอะ

หวังหยวนเงยหน้าขึ้นจากหนังสือมองสามีที่เดินผ่านห้องนั่งเล่นไปแต่ไม่ได้พูดอะไร เขาคงจะออกไปหาเพื่อนดื่มตามปกตินั่นแหละ ทั้งคู่สบตากัน หวังหยวนมองสีหน้าบึ้งตึงของเหว่ยถิงแต่ไม่ได้พูดอะไร เริ่มชินซะแล้วกับอาการแปรปรวนของสามีแก่ เด็กน้อยก้มลงอ่านหนังสือต่อจนได้ยินเสียงรถวิ่งออกไป






เสียงเพลงคลอเคล้าบรรยากาศยามค่ำคืนในบาร์แห่งหนึ่ง เหว่ยถิงนั่งบนชุดโซฟาในมุมลับตาคน แขนยาวพาดกับขอบโซฟาพลางจิบวิสกี้รสเข้มขึ้นดื่ม ใบหน้าคมเข้มน่ามอง ร่างสูงขยับกายภายใต้ความมืดสลัว ทุกท่วงท่านั้นเรียกความสนใจจากสาวนักท่องราตรีแถวนั้นได้ไม่น้อย ข้างกันมีนายแพทย์หนุ่ม อู๋อี้ฟาน ที่เพิ่งปลีกตัวจากงานมาหาเพื่อนรักที่กำลังมีเรื่องทุกข์ใจ ใครก็รู้ว่าเป็นหมองานยุ่งขนาดไหน แต่ถ้าเฉินเหว่ยถิงต้องการ มีหรือเขาจะทำเป็นเมินเฉยได้

สวัสดีค่ะหญิงสาวหน้าตาคุ้นเคยเอ่ยทักแต่เหว่ยถิงไม่ได้สนใจ ก็คงจะแค่เคยชนแก้วกัน

จำเอลล่าได้หรือเปล่าคะ?”

จำไม่ได้ร่างสูงเหลือบตามองหญิงสาวตรงหน้า

แหม ลืมกันเร็วจัง เอลล่าเคยพาคุณไปส่งที่บ้านเมื่ออาทิตย์ก่อนไงคะเอลล่าหย่อนสะโพกนั่งข้างอีกคนอย่างถือวิสาสะ เหว่ยถิงแสดงความเบื่อหน่ายออกทางสีหน้าอย่างชัดเจนแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น

อืม ขอบใจ

เอลล่าเราว่ามาแก้ตัวเรื่องคืนนั้นดีกว่านะคะ วิล..ใบหน้าสะสวยส่งยิ้มหวานเยิ้มให้พลางใช้นิ้วเรียวไล้ไปตามปกคอเสื้อของอีกฝ่ายอย่างยั่วยวน

ฉันไม่มีอารมณ์หรอก เธอไปได้แล้วเหว่ยถิงพูดตัดรำคาญพลางขยับตัวออกให้ห่างจากอีกคน
แต่ว่า..

ฉันไม่ชอบพูดอะไรซ้ำซากนะ!เหว่ยถิงหมดความอดทน เสียงเพลงในร้านที่ไม่ได้ดังมากพอที่จะกลบเสียงตะโกนทำให้คนในร้านแทบหันมามองเขาเป็นจุดเดียว เอลล่าลุกขึ้นกระทืบเท้าอย่างไม่พอใจ ริมฝีปากแดงสดง้ำงอก่อนจะเดินหายไปในความมืด

"ใจเย็นไอ้เสือ มึงหงุดหงิดอะไรมานักหนาวะ" อี้ฟานเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นท่าทีของเพื่อนรัก ปกติเหว่ยถิงแทบไม่เคยปฏิเสธผู้หญิงที่เข้าหาเขาเลย

"หรือว่า.. มึงหงุดหงิดเรื่องเมีย?" เหว่ยถิงพยักหน้าแทนคำตอบ อี้ฟานมองคนตรงหน้า ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเริ่มเดาทางถูก

"มึงเป็นอะไรก็พูดมาสิวะ ทำหน้าอมทุกข์อยู่นั่นน่ะ กูอยากเสือกจะตายแล้วเนี่ย"

"เมียกูเอาแต่พูดอยู่ได้ว่าไม่ได้รักกันอยู่นั่นแหละ วันนี้กูชวนไปฮันนีมูนก็ยกเอาเรื่องนี้มาอ้าง เห้อ" อี้ฟานลอบขำเมื่อเห็นสีหน้าอมทุกข์ของอีกฝ่าย คงจะขมขื่นมากล่ะสินะ

"แล้วยังไงต่อวะ?"

"อย่างที่มึงรู้ว่ากูชอบน้องเขามาก่อน พอพ่อกูบอกให้แต่งงานกูก็ยิ่งดีใจ ตอนนี้กูพูดได้เต็มปากเลยว่ารัก แต่เมียกูนี่สิ เห้อ.. เฉยชากับกูตั้งแต่เข้าหอยันตอนนี้ เขาทำทุกอย่างเพราะหน้าที่ว่ะมึง" เหว่ยถิงนึกถึงวันที่พ่อของเขาส่งรูปลูกชายของเพื่อนไปอวด รอยยิ้มไร้เดียงสา ถึงแม้ไม่ได้สวยโดดเด่น แต่น่ารักจนทำให้หัวใจเขาสั่นไหวอยู่ไม่สุขทีเดียว

"ก็มึงทำสันดานใส่เขาก่อนทำไมล่ะ สมน้ำหน้าเหอะสัส"

"แล้วมึงจะให้กูทำไงวะ เรื่องแต่งงานถึงหวังหยวนไม่ได้ขัดขืน แต่ก็ไม่ได้เต็มใจนัก ที่ร้ายใส่แบบนั้นกูก็แค่ไม่รู้จะเข้าหาน้องยังไง รู้ตัวอีกทีหวังหยวนก็มองกูติดลบไปแล้ว" เหว่ยถิงถอนหายใจอีกรอบ อี้ฟานทั้งขำทั้งสงสารเพื่อนแต่ก็จะไม่รู้จะช่วยยังไง ขนาดเรื่องของตัวเองยังแทบไม่รอด คงได้แค่รับฟังแล้วให้คำปรึกษากันไป

"กูว่ามึงต้องแก้ตัวใหม่ว่ะ ทำให้น้องมองมึงในมุมใหม่ ทำให้น้องรู้ว่ามึงรักเขา แต่ไม่ใช่บอกด้วยคำพูดนะเว้ย มึงต้องบอกเขาด้วยการกระทำ" เหว่ยถิงพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของนายแพทย์หนุ่ม

"แล้วกูควรทำยังไงวะ"

"มันอยู่ที่มึงแล้วว่ะเพื่อน กูต้องไปแล้วพรุ่งนี้เข้าเวรเช้า" อี้ฟานตบบ่าเพื่อนรักอย่างเอาใจช่วยก่อนจะเดินออกไป

"อืม.... บอกรักด้วยการกระทำงั้นเหรอ" เหว่ยถิงนั่งทบทวนคำแนะนำของเพื่อน รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าทันทีที่คิดแผนดีๆ ออก





"อืออ.. กลับมาแล้วเหรอครับ" หวังหยวนลืมตางัวเงียขึ้นเมื่อรู้สึกถึงแรงยวบบนเตียงแล้วหลับตาลงเพื่อนอนต่อ

"อืม กลับมาแล้ว" เหว่ยถิงนั่งลงข้างภรรยาเด็กซุกปลายจมูกหอมแก้มนิ่มเบาๆ กลิ่นของเด็กน้อยมันเย้ายวนจนแทบหยุดไม่ได้ซะทุกครั้ง

"ฮื่ออ! ออกไปน่าผมจะนอน" หวังหยวนยังคงหลับตาเอามือปัดป่ายเพราะความรำคาญ อ่านหนังสือทั้งบ่ายกว่าจะได้นอนก็เกือบเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว

"โอเคๆ ไม่กวนก็ได้" เหว่ยถิงไม่ได้นึกน้อยใจที่คนตัวเล็กบ่ายเบี่ยง คงจะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว

"คุณยังไม่อาบน้ำนี่ นอนไม่ได้นะ ผมเหม็นเหล้า" เหว่ยถิงชะงักทันทีเมื่อกำลังจะล้มตัวนอนข้างกายอีกคน

"ไม่เอาล่ะ ฉันง่วงแล้วเหมือนกัน"

"ถ้าไม่อาบก็ไปนอนห้องอื่นแล้วกัน คนอะไรซกมกจริงๆ" ไม่พูดเปล่าหวังหยวนเอาหมอนให้สามีหนึ่งใบก่อนจะกลับไปนอนต่อ เมียเด็กของเหว่ยถิงช่างมีน้ำใจดีงาม

"ก็ได้ๆ ไปอาบแล้วก็ได้ครับทูนหัว" ท้ายที่สุดก็ต้องลุกไปอาบน้ำอย่างจำใจ เรื่องอะไรจะไปนอนห้องอื่น มีเมียแล้วก็ต้องนอนกับเมียสิ


 ... to be continue...












วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2558

[SF] เหว่ยถิง x หวังหยวน :: bitter-sweet ตอนที่ 2

เหว่ยถิง x หวังหยวน

ตอนที่ 2

"..หวังหยวน หวังหยวน" จุนไคเรียกหวังหยวนให้หลุดจากภวังค์ความคิดจนร่างเล็กสะดุ้งตัวเล็กน้อย วันนี้คนตัวเล็กนั่งเหม่อลอยตั้งแต่เริ่มเรียนจนเลิกคลาส ทั้งสองคนเก็บของเข้ากระเป๋าเตรียมตัวกลับบ้านอย่างเคย หวังหยวนรู้สึกว่าช่วงนี้ร่างกายมันเหนื่อยอ่อน เหมือนคนไม่มีเรี่ยวแรงเข้าไปทุกที หวังหยวนต้องการความบันเทิง..

"เฮ้ จุนไค"

"อ้าว หวัดดีครับเกอ" หวังหยวนเอ่ยทักผู้มาใหม่

"ไง หวังหยวน หน้าตาดูสดชื่นนะ" หวังหยวนยิ้มแหยๆ กลับไปให้ สดชื่นกับผีอะไรล่ะเกอ เขาคิดในใจ มองอีกคนที่โปรยยิ้มหวานให้เพื่อนรักอยู่หน้าประตูห้องเรียนก่อนจะเดินเข้ามาใกล้

"เซียนซี นายมาช้านะ!" จุนไคมองหน้าเซียนซี คนรักของเขาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ที่จริงก็ไม่ได้มาช้าอะไรเพราะพวกเขาก็เพิ่งเรียนเสร็จ แต่จุนไคก็ชอบหาเรื่องแฟนของเขาตามประสา

"โถ่ที่รัก ซ้อมบอลเสร็จก็รีบมาเลย เห็นไหมเหงื่อโชกไปหมดเลยเนี่ย" อีกฝ่ายทำท่าจะเข้ามากอดแต่โดนคนตัวเล็กกว่าผลักออกไป

"อี๋ เหม็น! นี่มันห้องเรียนนะ รุ่มร่ามจริงๆ" เซียนซียักไหล่ไม่ได้สนอกสนใจกับคำดุด่าของคนรัก

"หวังหยวน เกอจะพาน้องแมวดุไปร้องเกะ นายจะไปไหม" พูดจบหวังหยวนตาลุกวาวขึ้นทันที พวกเขาสามคนก็ไปเที่ยวด้วยกันเป็นปกติอยู่แล้ว และคู่รักสองคนนี้ก็ไม่ได้คิดว่าหวังหยวนเป็นก้างขวางคออะไร เพราะสนิทกันมาตั้งแต่สมัยม.ต้น

"เกอออ หยวนรอประโยคนี้มานานแค่ไหนเกอรู้ไหมม ~~" หวังหยวนสะพายกระเป๋าพร้อมกับถลาตัวเข้าหาเซียนซี ทั้งสองคนหัวเราะกับท่าทีของหวังหยวนก่อนจะเดินออกไปข้างนอก

"นี่พวกนายเดินกันไปก่อนนะ ฉันขอเข้าห้องน้ำแป๊ปนึง" จุนไคตะโกนบอกสองคนที่เดินกอดคอกันกำลังเดินออกไปรอที่ม้าหินอ่อนที่ประจำ





"หวังหยวน!" เสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้เด็กหนุ่มสองคนหันไปมองทางต้นเสียงเป็นตาเดียว เซียนซีปล่อยคนตัวเล็กจากพันธนาการ

"คุณ.. เดี๋ยวสิ! ปล่อยผมนะ!" หวังหยวนลืมนัดกับสามีไปเสียสนิท เหว่ยถิงเดินไปฉุดเรียวแขนเล็กขึ้นรถโดยไม่สนใจเสียงทัดทาน เขาชักจะโมโหขึ้นมาเสียดื้อๆ

รถคันหรูทะยานออกจากมหาวิทยาลัยด้วยความเร็วสูง มือของเด็กน้อยหาสิ่งยึดเหนี่ยวเพราะสามีของเขาขับรถเร็วเกินไปแล้ว ร่างเล็กตะโกนห้ามแต่อีกคนไม่สนใจฟัง มีเพียงสายตาดุดันส่งกลับมาแทน
เหว่ยถิงขับรถมาจอดเทียบหน้าประตูบ้าน อันที่จริงวันนี้เขาตั้งใจจะพาหวังหยวนไปช็อปปิ้งเพราะอยากทำให้สถานการณ์ความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองคนดีขึ้น แต่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์แล้ว น่าหงุดหงิด

"จะปลดล็อคประตูได้หรือยังครับคุณ"

"จะรีบลงไปไหน" น้ำเสียงราบเรียบนั้นหวังหยวนรู้ดีว่าแฝงความไม่พอใจเอาไว้

"เปล่าครับ" หวังหยวนไม่ได้แสดงอาการใดเพียงนั่งเฉยๆ ก็ยิ่งทำให้อีกคนหงุดหงิดมากขึ้นอีก

"เวลาอยู่กับฉันเธอไม่ต้องทำหน้าอมทุกข์ขนาดนั้นก็ได้นะ มันแย่ขนาดนั้นเลยหรือไง"

หึ ทีตอนอยู่กับไอ้หน้าอ่อนนั่นยิ้มระริกระรี้มีความสุขเชียวนะ แถมยังกอดรัดกันออกหน้าออกตาซะขนาดนั้น

"ก็เปล่านี่ครับ ผมก็ทำตัวปกติ"

"แล้วยังไง? เมื่อวานก็อ่อยอาจารย์ วันนี้ก็อ่อยไอ้เด็กนั่น เธอจะเอากี่คนกันแน่ จับทั้งหมดมามัดรวมกันเลยดีไหม?"

หวังหยวนไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร หวังหยวนไม่ได้อ่อยใครทั้งนั้น ทำไมเขาถึงได้ชอบพูดจาร้ายๆ ใส่อยู่เรื่อย

"คุณพูดอะไร ผมไม่รู้เรื่อง"

"เหอะ! เธออยู่กับฉันแล้วไม่มีความสุข คงจะได้ความสุขจากที่อื่นแล้วล่ะสิ"

"คุณจะให้ผมมีความสุขได้ยังไง ในเมื่อคุณไม่ได้รักผม! ผมก็ไม่ได้รักคุณ เราแต่งงานกันเพราะภาระหน้าที่!"

"ก็ดี! งั้นฉันจะทำให้เธอมีความสุขเอง! แบบที่นายจะลืมไม่ลงเลยหละ หึ.."

เหว่ยถึงกึ่งฉุดกึ่งลากหวังหยวนเข้าบ้าน สั่งป้าอี้ห้ามใครขึ้นไปรบกวนจนกว่าเขาจะลงมา หวังหยวนออกแรงทั้งทุบตี ทั้งใช้เล็บจิกข่วน แต่ก็ไม่เป็นผล ร่างเล็กถูกเหวี่ยงลงกับเตียงกว้าง หวังหยวนจุกจากแรงเหวี่ยงจนตัวงอ ร่างสูงไม่รอช้าขึ้นคร่อมทับล็อคแขนอีกคนตรึงไว้กับเตียงทันที

"โอ๊ยย!! ผมเจ็บ ปล่อยนะ!" เหว่ยถิงไม่สนใจเสียงคัดค้านของอีกฝ่าย จมูกโด่งซุกไซร้ลำคอขาวสูดกลิ่นหอมของเด็กแรกรุ่นเข้าเต็มปอด หวังหยวนดิ้นพล่านน้ำตาคลอเต็มหน่วยยิ่งทำให้อารมณ์ดิบเถื่อนของเหว่ยถิงพลุ่งพล่านขึ้นอย่างไม่อาจหยุดได้

"อื้ออ!! คุณ! ผมบอกให้ปล่อย อย่านะ!"

"จะดิ้นอะไรหนักหนา! ผัวเมียเอากันมันเรื่องปกติ"

ริมฝีปากร้อนโฉบลงบดเบียดจูบร้อนแรงกับปากอิ่ม หวังหยวนพยายามต่อต้านสัมผัสที่จาบจ้วงแต่อีกฝ่ายแรงเยอะเหลือเกิน น้ำตาใสเอ่อรินเป็นสายหวังหยวนเริ่มหมดแรงต่อสู้ เหว่ยถิงหยุดการกระทำมองร่างขาวตรงหน้าที่กำลังร้องไห้ เหอะ น่าหงุดหงิดสิ้นดี

"อึก.. ฮือ คุณมันน่ารังเกียจที่สุด"

"อยากพูดอะไรก็พูดไปเถอะ ยังไงฉันก็ผัวเธอ"

เหว่ยถิงเหยียดยิ้มพูดเน้นคำที่แสดงความเป็นเจ้าของให้ชัดเจนที่สุด หวังหยวนรู้ดีว่าคนตรงหน้าคงไม่หยุดเพราะเข่าที่แทรกระหว่างขาเรียว รอยยิ้มเย้ยหยันของอีกฝ่าย หวังหยวนหลับตาแน่นรอรับชะตากรรม

"หึ อย่าเกร็งล่ะเด็กน้อย"




ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่หวังหยวนนอนรองรับอารมณ์สวาทที่เหว่ยถิงปลดปล่อยออกมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง สะโพกกลมตอนนี้ปวดจนแทบจะขยับไม่ได้ การกระทำรุนแรงทำให้ผิวกายบอบบางขึ้นรอยช้ำเต็มไปหมด เหว่ยถิงพลิกตัวกอดร่างบางไว้แนบอกเขาตื่นขึ้นมาเพราะร่างกายที่สั่นเทาของอีกคน หวังหยวนสะอื้นเบาๆ ปล่อยน้ำตาหยดลงเป็นสายโดนไม่มีคำพูดใด

"เป็นของฉันจนได้" เหว่ยถิงเก็บความไม่พอใจไว้ข้างใน หวังหยวนเป็นของเขาแล้วทำไมต้องร้องไห้เสียใจขนาดนั้น เขากดริมฝีปากจูบไหล่เนียนคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง หวังหยวนไม่ได้โต้ตอบอะไรเพียงแต่ขยับตัวหนีสัมผัสสามีของตน

"ฉันไม่ได้อยากใจร้ายนะ ทำไมเธอชอบตั้งท่ารังเกียจฉันนัก"

"ฮึก! เพราะคุณมันน่ารังเกียจ คุณไม่ได้รักผม แล้วคุณทำแบบนี้ทำไม.. สะใจคุณหรือยัง!! พอใจหรือยัง!!" เหว่ยถิงมองหวังหยวนที่ร้องฟูมฟายเป็นบ้าเป็นหลัง เขานึกเป็นห่วงหวังหยวนอยู่เหมือนกันที่โดนเขากระทำรุนแรงขนาดนั้น แต่ท่าทางหยิ่งยะโสแบบนี้มันน่าโมโหจริงๆ

"ทำไมเธอไม่ทำตัวดีๆ กับฉันบ้าง แค่นี้ทำไม่ได้หรือไง!"

"คุณไม่สมควรได้รับมัน" น้ำตายังไหลออกมาไม่ขาด

"ร้องไห้อยู่ได้ น่ารำคาญ" ไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตอบโต้อะไร เหว่ยถิงหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมแล้วออกไปจากห้อง เนิ่นนานจนหวังหยวนแน่ใจว่าเขาไม่ได้กลับเข้ามาแล้ว ร่างบางก็ผลอยหลับไปเพราะความเหนื่อยล้า




หวังหยวนตื่นขึ้นมาเพราะแสงแดดแก่ๆ ที่แยงตา เขารู้สึกร้อนเพราะแดดตอนสายพาดผ่านร่างกายเขาเต็มๆ นาฬิกาหัวเตียงบอกเวลา 08.32 น. เขาคงไปไม่ทันเรียนแล้วสินะ ถึงทันก็คงไปไม่ไหว จนถึงตอนนี้เขายังไม่สามารถขยับช่วงล่างได้เลย

ริงโทนที่คุ้นเคยแผดเสียงขึ้น หวังหยวนเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาอย่างลำบาก หน้าจอปรากฏชื่อเพื่อนรัก

'จุนไค'

"ฮัลโหลจุนไค"

'หยวน ทำไมนายไม่เข้าเรียน เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมไม่โทรบอกฉัน' จุนไคยิงคำถามรัวเป็นชุด หวังหยวนกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก เหมือนคอจะแห้งแทบเป็นผง

"อื้ม รู้สึกไม่สบายนิดหน่อย ขอโทษนะที่ไม่ได้โทรบอก แค่กๆๆ"

'งั้นนายรีบกินยานะ เดี๋ยวเลิกเรียนฉันจะไปหาที่บ้าน'

"อย่านะ!! เอ่อ.. คือฉันกลัวนายจะติดไข้น่ะ นายไม่ต้องมาหรอกเดี๋ยวฉันก็หาย" หวังหยวนเผลอทำเสียงดัง เขาไม่อยากให้เพื่อนมาเห็นเขาในสภาพแบบนี้

'อ่าา โอเคๆ รีบหายนะหยวน ฉันเหงารู้ไหม'

"อื้ม แค่นี้นะ" หวังหยวนไม่อยากจะพูดอะไรมาก ถ้าจุนไครู้มากพ่อเขาก็จะรู้ไปด้วย หวังหยวนไม่ค่อยได้ติดต่อพ่อเพราะตอนนี้งานคงยุ่งมาก แล้วเขาก็อยากให้พ่อเข้าใจว่าเขาอยู่สุขสบายดี

หวังหยวนอยากจะชำระร่างกายให้สดชื่นเสียที นอนเหนียวตัวทั้งคืนอึดอัดจะแย่ ร่างบางพยายามประคองตัวเองลุกขึ้นแต่คงเพราะพิษไข้ หวังหยวนเซล้มลงข้างเตียง มือปัดแจกันดอกไม้ตกพื้นกระจัดกระจาย

เพล้งง!!
หวังหยวนได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งพร้อมเสียงเปิดประตูห้อง ตอนนี้สายตาพล่ามัวมองแทบจะไม่เห็นอะไรอยู่แล้ว สติสัมปชัญญะเลือนลงช้าๆ พร้อมกับเสียงของป้าอี้แว่วมาแต่ไกล

"คุณหวังหยวน!!"




เปลือกตาบางขยับก่อนลืมตาขึ้นช้าๆ หวังหยวนรู้สึกว่าอาการเจ็บแปลบที่สะโพกทุเลาลงมาก ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไหร่เขารู้สึกปวดหัวตื้อไปหมด ซ้ำท้องยังร้องโครกครากน่าอายอีกด้วย

"คุณหวังหยวนตื่นแล้วหรือคะ?" สาวใช้จินเจี่ยรีบเดินเข้ามาประคองเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะลุกขึ้น

"อื้ออ พี่จินเจี่ย หอมจังเลย ~ นั่นข้าวของผมหรือเปล่าครับ" หวังหยวนเอามือกุมท้องทำหน้าชะเง้อมองถาดอาหารที่จินเจียยกเข้ามา น้ำย่อยในกระเพาะคงกำลังแผลงฤทธิ์ สาวใช้นึกเอ็นดูเจ้านายตัวน้อยก่อนจะยกชามข้าวต้มมาให้

"อ่าา อร่อยจังเลย" หวังหยวนตักข้าวต้มเข้าปากคำแล้วคำเล่าจนหมดชาม

"หลับไปตั้งสองวันเต็มๆ ทานเก่งขึ้นนะคะ" จินเจี่ยยิ้มหวานให้ หวังหยวนเบิกตากว้างไม่คิดว่าตัวเองจะหลับไปนานขนาดนี้

"หา!? แล้ว.. ใครเปลี่ยนชุดให้ผมครับ"

"จินเจี่ยเองค่ะ เดี๋ยวจินเจี่ยขึ้นมาเช็ดตัวให้นะคะ" หวังหยวนเงียบไปเพราะจินเจี่ยคงรู้หมดแล้วว่าเขาโดนอะไรมา

"แล้วคุณเหว่ยถิงไปทำงานหรือครับ"

"คุณเขาไม่กลับบ้านมาสองวันแล้วค่ะ ป้าอี้โทรหาก็ไม่รับเลย"

หวังหยวนโล่งใจอย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องมานั่งทะเลาะกับคนชอบหาเรื่อง อีกใจก็เป็นห่วงกลัวจะเกิดอะไรร้ายแรงขึ้น แต่จะเป็นห่วงคนแบบนั้นทำไม ต่อไปนี้ต้องเข้มแข็งแล้ว หวังหยวนจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายอีกแน่ ร่างบางนอนคิดเพลินๆ จนเผลอหลับไปอีกรอบ



ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"คุณหวังหยวนคะ" หวังหยวนตื่นสะลืมสะลือไปเปิดประตูห้องพบว่าเป็นป้าอี้

"ครับป้าอี้"

"คุณเหว่ยถิงกลับมาแล้วค่ะ เอ่อ.. สภาพดูไม่ได้เชียวค่ะ" หญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้น แสดงท่าทีเป็นห่วง
หวังหยวนเดินตามป้าอี้ลงบันได เขาไม่ได้เป็นห่วงคนใจร้ายคนนั้นหรอกแต่สงสารป้าอี้ถ้าต้องรับมือคนเดียว

"อ๊ะ! วิลคะ อย่ามือซนนักสิคะ เดินดีๆ ค่ะ" หญิงสาวเอ่ยเสียงหวานประคองร่างสูงที่เมาไม่ได้สติอย่างทุลักทุเล หวังหยวนเดินสาวเท้าไปหยุดตรงหญ้าหญิงชุดแดง ร่างบางยืนกอดอกมองสภาพดูไม่จืดตรงหน้า ตาเรียวเล็กไล่มองหญิงงามตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า

"วิลเมามากน่ะค่ะ กว่าจะพากลับมาได้ทำเอาเอลล่าแทบแย่เลย" เอลล่า หญิงสาวในชุดเดรสสั้นตัวจิ๋วจีบปากจีบคอพูด

"ขอบใจ หมดธุระเธอก็กลับไปได้แล้ว ที่เหลือฉันดูแลเอง"

"เอ่อ.. ค่ะ หนูเป็นน้องชายของวิลหรือคะ พูดจาไม่ค่อยน่ารักเลยนะ" หวังหยวนเบ้ปากมองบน ช่างน่าสงสารยัยนี่จริงๆ

"เปล่า ฉันเป็นเมียเขา" หวังหยวนตอบเสียงเรียบ

"อะไรนะ!! ฉันไม่เชื่อหรอก!! แกโกหก หน้าตาจืดชืดอย่างแกเนี่ยนะ!?"

หญิงสาวตรงหน้าท่าทีเปลี่ยนไปทันที เสียงหวีดแหลมของเอลล่าดังจนเหว่ยถิงได้สติ ร่างสูงยืนมึนงงอยู่กลางสมรภูมิรบขนาดย่อม หวังหยวนกระชากแขนแข็งแรงของอีกฝ่ายมาใกล้จนร่างของเหว่ยถิงเสียหลักแทบเซล้มลงกับพื้น

"นี่เธอ! เพิ่งกลับลงมาจากบนดอยหรือไง ผู้ชายที่เธอหิ้วมาเนี่ย เขามีเมียแล้ว! เมียเขาก็ยืนหัวโด่ด่าเธอฉอดๆ อยู่นี่ไง! หัดตามข่าวสังคมบ้าง ไม่ใช่จะจ้องไล่จับแต่ผู้ชาย คราวหลังจะได้ไม่พลาดอีก รู้แล้วก็ไปซะ น่ารำคาญ" หวังหยวนลากสามีกลับห้องนอนโดยไม่สนว่าเอลล่าจะไล่ด่าตามหลังอย่างไรบ้าง แอลกอฮอล์ที่โชยจากตัวเหว่ยถิงกลิ่นแรงจนน่าเวียนหัว คงจะดื่มมาอย่างหนัก อยากจะทิ้งให้นอนจมกลิ่นเหล้าก็ทำไม่ลง

"ตัวหนักชะมัดเลย" หวังหยวนเหวี่ยงคนตัวใหญ่กว่าลงกับเตียงอย่างไม่ใยดี จัดการถอดเสื้อสูทออกให้อีกฝ่ายได้นอนสบายขึ้น เหว่ยถิงสะลึมสะลือเหมือนจะเริ่มสร่างแล้ว ข้อมือบางถูกคนที่นอนกองอยู่บนเตียงรั้งไว้

"เดี๋ยวก่อน ..เจ็บมากไหม" เหว่ยถิงเอ่ยถามอย่างไม่เต็มเสียงนัก

"ผมไม่เป็นไร ปล่อยสิผมจะได้เช็ดตัวให้"

"ฉันขอโทษ.." เสียงแห้งผากเอ่ยออกมา คนฟังแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

"ผมรู้แล้ว ปล่อยมือผมก่อนได้ไหม คุณจับแรงขนาดนี้มันเจ็บนะ" หวังหยวนแสร้งทำเป็นเจ็บ ที่จริงแล้วแค่ไม่ไว้ใจคนตรงหน้าต่างหาก เดี๋ยวร้ายเดี๋ยวดี ไม่รู้จะมาไม้ไหน

เหว่ยถิงดึงคนตัวเล็กมากอดแนบอก หวังหยวนถลาล้มทับอีกคนใบหน้าทั้งคู่ห่างกันไม่ถึงคืบ พวงแก้มใสถูกแต้มด้วยสีแดงฝาด ไม่รู้เพราะเมากลิ่นเหล้าจากอีกคนหรืออะไรกันแน่ แววตาคมของคนเป็นสามีจ้องลึกเข้าไปในดวงตาเรียวเล็กเป็นประกาย ทำเอาอีกคนเนื้อตัวอ่อนยวบ หมดเรี่ยวแรงเสียดื้อๆ

"ฉัน.. ขอจูบเธอได้ไหม" หวังหยวนเม้มปาก ประหม่ากับสายตาร้อนแรงที่บ่งบอกความต้องการชัดเจน

"ไม่! น้ำก็ไม่อาบ ตัวก็เหม็นแบบนี้ใครจะจูบลง สกปรกที่สุดเลย!" ร่างเล็กดิ้นจนหลุดจากพันธนาการของคนขี้เมา ไม่รู้เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรืออะไรที่ทำให้เหว่ยถิงเปลี่ยนไปเป็นคนละคนขนาดนี้ หวังหยวนจะไม่หลงกลเด็ดขาด! 


...To be continue...



อยากรู้ฟีดแบค เนื้อเรื่องมันน่าเบื่อไหมอะ 555555555555
เขียนด้วยความเบลอ ไม่เคยมีสติค่ะ 55555555555
ยังไงก็ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันเนาะ



[OS] waiting x liyifeng x yangyang :: X-MAS SADNESS

Waiting x Liyifeng x Yangyang
[OS] X-MAS SADNESS

"ฮึก.. ฮืออ ฉันขอโทษ ..เหว่ยถิงฉันขอโทษ"
หลี่อี้เฟิงยืนพร่ำรำพันคำขอโทษเป็นร้อยครั้ง ต่อหน้าเฉินเหว่ยถิงคนรักของเขา อี้เฟิงร้องไห้จนตัวโยน ทุกครั้งที่หยดน้ำตาไหลอาบแก้มใสอี้เฟิงแทบขาดใจ เหว่ยถิงแสดงความเจ็บปวดออกมาทางสีหน้า ไม่ใช่เจ็บกาย แต่...เขาเจ็บที่หัวใจ

อี้เฟิงและเหว่ยถิงเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่สมัยอนุบาล ทั้งสองคนเป็นทั้งเพื่อนรัก พี่น้อง ก่อนความสัมพันธ์จะเติบโตไปตามวัยของทั้งคู่ จากเพื่อนพัฒนากลายเป็นคนรัก กว่า 25 ปีที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน ทั้งรักและผูกพันธ์ แต่มันกำลังจะกลายเป็นอดีต
"ทำไม บอกฉันสิอี้เฟิง ทำไม!!" เหว่ยถิงขบกรามแน่น มองหน้าอีกฝ่ายด้วยสีหน้าตัดพ้อแต่ฉายแววตาดุดัน
"ฉัน.. ฮึก ฉันรักเขา ฉันทำผิดต่อนาย ฮือ.."
"แล้วฉันผิดอะไรล่ะอี้เฟิง.. ฉันทำอะไรไม่ดีตรงไหน ทำไมนายถึงตอบแทนฉันแบบนี้"
อี้เฟิงสูดลมหายใจพยายามตั้งสติคลุมน้ำเสียงไม่ให้สั่นเครือ ร่างบางแหงนหน้าขึ้นราวกับจะสะกดอารมณ์ไว้ก่อนพ่นลมหายใจออกจนเป็นควันเพราะความหนาว
"ฉันเหงา นายเอาแต่ทำงาน หลายเดือนมานี้เรากินข้าวด้วยกันกี่ครั้ง? ไม่ได้ดูหนังด้วยกันนานเท่าไหร่แล้ว.."
"...."
"นายไม่โทรหาฉัน ไม่มีแม้แต่ข้อความ ฮึกก.. บอกฉันสิ ว่าฉันควรจะทำยังไง บอกฉัน.. ฮือ"
"นายก็เลยมีชู้งั้นสิ"
"เขา.. อยู่กับฉันเวลาฉันอ่อนแอ เขาใส่ใจฉัน เขาดูแล ..ในขณะที่นายไม่เคยทำ"
อี้เฟิงก้มหน้าร้องไห้สำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป จะว่าเขาเห็นแก่ตัวก็ได้ อี้เฟิงยอมรับทั้งนั้น
เหว่ยถิงแค่นหัวเราะรู้สึกสมเพชตัวเองที่โดนสวมเขามาไม่รู้กี่เดือนเขามองผู้ชายอีกคนที่ยืนรออี้เฟิงอยู่อีกฟากถนนสลับกับมองคนตรงหน้า
"อย่าไปกับเขาอี้เฟิง ถ้านายเลิกฉันจะลืมเรื่องวันนี้ไป จะถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ..แค่นายกลับมาหาฉัน"
อี้เฟิงเม้มปากแน่น น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลอาบแก้มเนียน ร่างบางไม่ได้เช็ดมันออกแต่กลับปล่อยให้ไหลอย่างที่มันควรจะเป็น
"ฉันทำไม่ได้.. ฮึกก.. ฉันรักเขา"
"...."
"แล้วฉัน.. ก็ไม่ได้รักนายแล้.."
คำพูดสุดท้ายขาดห้วงเพราะอี้เฟิงปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง คำพูดมากมายที่อยากบอกเหว่ยถิงถูกกลืนลงคอ สิ่งที่เขาพูดออกมาได้คือคำขอโทษ
"...ฉันเข้าใจแล้ว เข้าใจหมดแล้วอี้เฟิง"
"ฉันขอโทษเหว่ยถิง.. ฉันจะไม่ขอให้นายยกโทษให้ แต่..."
"พอแล้ว นายไปเถอะอี้เฟิง ..ไปกับเขาเถอะ" อี้เฟิงพูดยังไม่ทันจบแต่เหว่ยถิงพูดแทรกขึ้นก่อน เขาไม่อยากฟังอะไรอีกต่อไปแล้ว หัวใจตอนนี้มันเจ็บมากเหลือเกิน
อี้เฟิงไม่ได้พูดต่อ เขามองหน้าเหว่ยถิงด้วยน้ำตานองหน้า แล้วเดินกลับไปหา หยางหยาง ที่รออยู่อีกฟากถนน หยางหยางประคองร่างของอี้เฟิงขึ้นรถ เขาเช็ดน้ำตาให้อดีตคนรักของเหว่ยถิงอย่างอ่อนโยน ทุกการกระทำอยู่ในสายตาของเหว่ยถิงตลอดเวลา
รถคันหรูวิ่งออกไปจนลับหายไปในความมืด เหว่ยถิงยืนมองรถคันนั้นจนลับตา

ฟุ่บ..
ร่างสูงทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรงน้ำตาลูกผู้ชายไหลหยดออกมาเป็นทาง ทั้งที่พยายามอดกลั้นเอาไว้ แต่ความเสียใจและเจ็บปวดมันได้ทำลายกำแพงกั้นน้ำตาของเขาจนพังไม่เหลือชิ้นดี
"ฮึก.."
เขาปล่อยเสียงสะอื้นออกมา นั่งคิดทบทวนสิ่งต่างๆ หลายเดือนมานี้เขาโหมงานหนักเพราะต้องการเคลียร์งานให้จบแล้วพาคนรักไปเที่ยวในวันคริสมาสต์เท่านั้นเอง เขาแค่อยากให้อี้เฟิงมีความสุข แต่สิ่งที่เขาทำมาทั้งหมดมันกลับทำให้เขาเสียอี้เฟิงไป มันพังไปหมด
"ฮือ.. อี้เฟิง ฉันผิดเอง.. ฉันเอง" เหว่ยถิงปล่อยน้ำตาออกมาเป็นสาย น้ำตาที่เขาไม่เคยให้ใครเห็น
"ฉันขอโทษ ขอโทษที่ทิ้ง.. ให้นายเหงาอยู่คนเดียว ขอโทษที่ไม่คิดถึงความรู้สึกนาย"
นักสถาปนิกหนุ่มนั่งพร่ำเพ้อราวกับคนสติไม่อยู่กับตัวเขาทำพลาดไปเองจริงๆ ภาพที่เขาและอี้เฟิงไหลเวียนเข้ามาในหัว ความทรงจำทั้งหมดเป็นความทรงจำที่ยาวนานและมีค่าเหลือเกิน น้ำตาไหลออกมาอีกอย่างห้ามไม่ได้
ตอนนี้อี้เฟิงคงไปไกลแล้ว ไกลเกินกว่าเขาจะวิ่งตามทัน อี้เฟิงทิ้งเขาไปแล้ว ทิ้งชายหนุ่มนั่งร้องไห้แทบขาดใจ
"ฮึกก.. ฉันรักนาย ..หลี่อี้เฟิง"

-The End-

-Talk-
ฟิคคริสมาสต์ของเรา 555555555555 สงสารอิลุงมาก ได้แรงบันดารใจจากเพลงอันเฟรนด์ค่ะ ตอนเขียนน้ำตาแทบไหลไม่รู้อินไปหรือเปล่า 555555555555 เนื้อเรื่องไม่ค่อยเกี่ยวกับคริสมาสต์นะคะ รู้สึกไม่สอดคล้องกับชื่อเรื่อง แต่ก็ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกันนะคะ จุ้บปี้ <3

*ตอนอ่านแนะนำให้เปิดเพลง http://www.youtube.com/watch?v=1HUdj8dF2-w ไปด้วยนะคะ <3