“สวัสดีครับ ผมชื่อหวังหยวน ผมเป็นลูกของคุณพ่อเฉินหวังเจียกับคุณแม่หลิ่งจูครับ”
เด็กน้อยนั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามพร้อมแนะนำตัวกับผมด้วยน้ำเสียงหนักแน่น บวกกับใบหน้าที่สดใสไม่ได้นั่นทำให้รู้ว่าเจ้าเด็กนี่ไม่ได้สำนึกเลยจริงๆ
ที่ทำของตกแต่งราคาแสนแพงของผมหล่นแตกไปเมื่อกี้ คิดแล้วอยากจะร้องไห้..
“...”
“ถ้าคุณลุงไม่เชื่อ..” เจ้าเด็กนั่นค้นกระเป๋าสะพายยุกยิกเหมือนหาอะไรซักอย่างก่อนจะยื่นของนั้นให้ผมดู
“คุณแม่ให้แหวนนี้มา เป็นแหวนหมั้นที่คุณพ่อเคยให้ไว้ครับ” เมื่อเห็นแล้วผมก็จำได้ทันที
มันเป็นแหวนที่พี่ใหญ่เคยให้ไว้กับพี่หลิ่งจู เธอพาลูกในท้องหนีไปเพราะพี่ใหญ่ถูกคุณพ่อบังคับให้แต่งงานกับลูกสาวของเพื่อนสนิท
ทุกคนในบ้านต่างรู้ดีถึงความสัมพันธ์ของพี่ใหญ่กับพี่หลิ่งจู แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ คุณพ่อเองก็ไม่อยากจะแบบนี้เพราะเห็นแก่ว่าพี่หลิ่งจูมีท้อง
อีกอย่างเธอก็เป็นผู้หญิงที่น่าเอ็นดูในสายตาผู้ใหญ่
แต่คุณพ่อก็ไม่สามารถผิดคำพูดของตนเองที่ได้ให้สัญญาไว้กับเพื่อนในอดีต
“อายุเท่าไหร่แล้ว?”
“15 ครับคุณลุง คุณแม่ให้ผมมาเยี่ยมคุณพ่อในช่วงปิดเทอม ..บลา บลา”
ผมนั่งฟังเด็กหวังหยวนพูดจ้อไปเรื่อยพลางคิดไปว่าพี่หลิ่งจูที่พาลูกหนีหายไปนานกว่า
16 ปี แต่อยู่ๆ ก็ส่งลูกกลับมาทั้งที่ก่อนหน้านี้หลังจากภรรยาของพี่ใหญ่เสียชีวิตลง
เขาก็แทบจะพลิกแผ่นดินหาพี่หลิ่งจูกับลูก แต่ก็ไม่พบ
พี่ใหญ่คิดถึงพี่หลิ่งจูมากและเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด
ผมพิจารณาใบหน้าขาวนั่น กลีบปากเล็กสีแดงระเรื่อ แก้มกลมขาวเหมือนขนมฟูๆ
ดวงตาเล็กแต่กลับดูน่ามอง
ยิ่งเวลาที่เจ้าตัวเล็กนั่นพูดเจื้อยแจ้วเหมือนไม่รู้จักเหนื่อยมันยิ่งทำให้ผมคิดว่าหลานผมคนนี้ก็..
น่ารักดี..
“คุณลุง.. คุณลุง!” หวังหยวนโผล่หน้ามาใกล้โบกมือไปมาเมื่อเห็นผมเงียบไปนาน
“ฟังผมอยู่รึเปล่าเนี่ย”
ผมสะดุ้งนิดหน่อยดึงตัวเองออกจากภวังค์ความคิด
“นี่ เลิกเรียกคุณลุงได้แล้ว ฉันชื่อเฉินเหว่ยถิง เป็นน้องชายของพ่อเธอ”
ผมตอบอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก เจ้าเด็กนี่เรียกคุณลุงอยู่ได้ เรายังไม่แก่ขนาดนั้นซักหน่อย
เพิ่ง 29 ขวบเอง
“ก็แล้วทำไมเพิ่งมาบอกล่ะ” หวังหยวนทำปากยื่นๆ ผมเห็นแล้วนึกขำในใจ
มันน่าแกล้งดึงเล่นชะมัดเลย
“พ่อของเธอไม่อยู่หรอก เขาไปต่างประเทศตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว
อีกราวสองเดือนกว่าจะกลับ” หน้าขาวๆ นั่นสลดลงแวบนึง
“หรอครับ.. แต่ไม่เป็นไรผมอยู่กับคุณอาก็ได้!” ผมขอย้ำว่าสลดลงแวบเดียวจริงๆ
ทันทีที่พูดจบหวังหยวนกระโดดเกาะแขนผมเอาแก้มถูไถเล่น
ผมมองหวังหยวนที่กระโดดเหยงๆ เกาะแข้งเกาะขาผมเป็นลิง
ดูท่าทางหลานชายผมคนนี้จะซนแก่นเซี้ยวน่าดู บางทีการที่หวังหยวนมาอยู่ด้วยแบบนี้ก็คงไม่แย่เท่าไหร่หรอกมั้ง
********************************
Wangyuan part
หลายวันมานี้ตั้งแต่ผมมาที่นี่คุณอาก็เอาแต่ทำงาน
แต่ก็สัญญากันไว้แล้วว่าจะพาผมไปเที่ยวที่ทำงานของคุณอาด้วย คุณพ่อทราบเรื่องผมจากคุณอาแล้ว
คุณพ่อดีใจมากและจะรีบเคลียร์งานให้เสร็จเพื่อกลับมาหาผม วันนี้คุณอาถิงก็ออกไปทำงานแต่เช้าเหมือนเคย
ไม่รู้จะกลับเมื่อไหร่ ผมเบื่อจะตายอยู่แล้ววววว
เมื่อนอนเปื่อยบนเตียงจนพอใจผมก็เดินลงไปหาป้าหลี่เผื่อจะมีอะไรให้ผมช่วยทำแก้เบื่อได้บ้างก็พบว่าป้าหลี่กับพี่เสี่ยวผิงกำลังเตรียมอาหารเย็นกันอยู่
“ป้าหลี่ ~~ พี่เสี่ยวผิง ~~”
ผมกึ่งเดินกึ่งกระโดดตรงไปหาทั้งสองคน
“คุณหนูหวังหยวน เดินแบบนั้นเดี๋ยวก็หกล้มกันพอดีค่ะ”
ป้าหลี่มองผมอย่างอ่อนใจ
“ป้าหลี่อย่าดุหวังหยวนนักสิค้าบ ~” ผมกอดเอวป้าหลี่อย่างออดอ้อนจนทั้งสองคนหัวเราะให้กับความขี้อ้อนของผม
“ก็ในครัวมันอันตรายนี่คะ”
“มีอะไรให้ผมช่วยบ้างครับเนี่ย อยู่แต่บนห้องผมเบื่อจะแย่อยู่แล้ววว”
ผมแกล้งไม่สนใจป้าหลี่แล้วเฉไฉเปลี่ยนเรื่องไป นี่ก็ใกล้เวลาที่คุณอาจะกลับบ้านแล้ว
หวังหยวนจะทำกับข้าวไว้รอคุณอา ~
“งั้นช่วยป้าหั่นผักนะคะ
ระวังมีดบาดมือเอาล่ะป้าจะตีให้เชียว”
พูดจบป้าหลี่ก็ให้พี่เสี่ยวผิงเตรียมเขียงกับมีดให้ เอาล่ะ จะหั่นให้สวยสุดฝีมือ!
“นอกจากคุณพ่อกับคุณอาแล้ว
บ้านนี้มีใครอยู่อีกไหมครับป้าหลี่” ผมพูดพลางหยิบมะเขือเทศลูกโตมานั่งหั่นด้วยความตั้งใจ
ชวนป้าหลี่คุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยเปื่อย
“ไม่มีแล้วค่ะ ภรรยาของคุณหวังเจียเธอเสียไปได้หลายปีแล้ว
คุณหวังเจียก็ไม่ได้คิดที่จะแต่งงานใหม่อีกเลยค่ะ” ผมพยักหน้าฟังป้าหลี่ไปเรื่อย
ผมไม่ได้เกลียดภรรยาของคุณพ่อแต่กลับรู้สึกสงสารด้วยซ้ำที่เธอเสียตั้งแต่อายุยังน้อย
“แล้วคุณอาล่ะครับ? ไม่.. เอ่อ
คุณอายังไม่แต่งงานหรอครับป้า”
“โอ้ย ไม่หรอกค่ะ รายนั้นน่ะบ้างานออกค่ะ
ตั้งแต่เป็นหนุ่มป้าก็ไม่เห็นว่าคุณเหว่ยถิงจะมีแฟนซักคน” คุณอาคงจะจีบสาวไม่เป็นแน่ๆ
เลย หน้าก็ดุซะขนาดนั้น โถ่คุณอาต้องขึ้นคานกลายเป็นผู้ชายแก่ทึนทึกหรอเนี่ย
น่าสงสารจัง..
“โอ๊ย!!” เพราะมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนหั่นพลาดโดนนิ้วตัวเองจนได้
“ตายแล้ว!
เสี่ยวผิงไปเอากล่องยามาเร็วเข้า!” ป้าหลี่หันไปสั่งพี่เสี่ยวผิงแล้วตรงปรี่เข้าดูมือผมอย่างร้อนรน
“เสียงดังอะไรกันป้าหลี่”
คุณอาที่เพิ่งกลับมารีบเดินตรงดิ่งมาที่ผมที่นั่งตัวแข็งอยู่บนเก้าอี้ “มีดบาดหรอ
ไหนอาขอดูซิ”
คุณอาย่อตัวนั่งตรงหน้าผมและจับนิ้วที่โดนมีดบาดอย่างเบามือ
“ไม่เจ็บหรอกมั้งนิดเดียวเอง” ผมพนักหน้าช้าๆ
กลัวโดนคุณอาดุ แต่แผลนี่มันก็ชักจะเริ่มแสบนิดๆ
“โถ.. เลือดออกใหญ่แล้วค่ะคุณเหว่ยถิง
เสี่ยวผิงไปเอากล่องยาถึงไหนนะเนี่ย เดี๋ยวป้าไปตามนะคะ” ป้าหลี่โวยวายซะใหญ่โตตามประสา
ก่อนจะเดินร้อนรนไปตามพี่เสี่ยวผิง
“เล่นซะอะไรล่ะเราน่ะหืม? ทำไมโดนมีดบาดเอาได้” เจ้าแผลที่ปลายนิ้วเริ่มแสบขึ้นมาก
ผมยังไม่ทันได้ตอบคำถามอยู่ๆ คุณอาก็จับแผลผมเข้าปากไปซะงั้น..
“เอ่อะ! คะ
คุณอาทำอะไรเนี่ย!” ผมทั้งงงทั้งตกใจ มือยังเปื้อนมะเขือเทศอยู่เลย
“ก็ต้องห้ามเลือดไว้ก่อนไง” ตอบกลับมาหน้าตาเฉยแถมยังดูดปลายนิ้วผมอีกรอบเมื่อเลือดเริ่มซึมออกมาอีก
ผมได้แต่นั่งอึ้งมองคุณอา เอ่อ.. ปากคุณอาอุ่นดีจัง
ผมเผลอกัดปากเบาๆ เพราะความประหม่า พอมองดีๆ
แล้วคุณอาถิงดูดีมากเลยหละ รูปร่างสูงสมส่วน ใบหน้าหล่อเหล่าออกคมเข้ม ผมรู้สึกร้อนที่แก้มแปลกๆ
รู้สึกว่าเหงื่อเริ่มซึมทั้งที่อากาศก็ไม่ได้ร้อนอะไร ริมฝีปากที่กำลังงับมือผมอยู่ทำไมดูเซ็กซี่จัง
อา.. ทำไมหัวใจผมเต้นแรงแปลกๆ หรือว่า ผมกำลังเขิน..
***********************************
มาสั้นๆ
เหมือนเดิมค่ะ 55555555555555
คอมก็กาก คนแต่งกากกว่า
หวังว่าเนื้อเรื่องคงอ่านไม่ยากเนอะ
ตอนแต่งนี่เราอึนพอสมควร ใช้พลังงานในการอ่านนิดนึงนะคะ 5555555555
เราเพิ่งหัดใช้ blogger
ทุลักทุเลเหลือเกิน 55555555555
ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยมานะที่นี้ค่ะ .กราบ -/\-
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น